#ReadersGarden เล่มที่ 75
มาดับความหัวร้อนง่ายไปด้วยกันกับเล่มนี้กันค่ะ 💦😤 ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่เป็นหนังสือที่ช่วยดึงสติคนใจร้อนให้เย็นลงก่อน ส่งฮอลล์คูลไป! (ใครทันโฆษณานี้ เราคือเพื่อนกันค่ะ 🤝😂) โดยเป้าหมายคือ “อย่าสิ้นเปลืองเวลาและพลังงานที่มีจำกัดไปกับคนโง่เลย”
คำว่า ‘คนโง่’ ในที่นี้ไม่เกี่ยวกับระดับความรู้หรือสติปัญญา แต่หมายถึงคนไร้แก่นสาร จงใจทำให้คุณโมโหโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งการสู้กับคนประเภทนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
สิ่งที่น่าสนใจของเล่มนี้คือประสบการณ์หลากหลายแวดวงของผู้เขียน คุณทามุระ โคทาโร่ ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจ การเมืองและการศึกษา โดยเขาเป็นอดีตสว.ของญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์วุฒิคุณมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ เป็นที่ปรึกษาของโรงเรียนนานาชาติและบริษัทในญี่ปุ่น อเมริกา สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง เป็นนักวิจัยอาวุโส เป็นนักลงทุนและอีกมากมาย
หมายความว่าคุณทามุระพบเจอคนหลากหลาย ผ่านประสบการณ์หัวร้อนมามากมาย ได้บทเรียนอันมีค่าจากเรื่องราวเหล่านั้น แล้วนำมาถ่ายทอดเป็นบทเรียนให้แก่พวกเราในหนังสือเล่มนี้
หากเพื่อนๆ เคยโมโหคนโง่ ทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะ สุดท้ายได้มาเพียงความสะใจชั่วคราว แต่กลับเสียทั้งเวลา เสียพลังงาน เสียความสัมพันธ์ เสียภาพลักษณ์ เสียโอกาส และเสียใจกับการกระทำชั่ววูบ จนรู้สึกว่าเราเป็นคนโง่เสียเอง มาดู 3 วิธีการดับความหัวร้อนจากหนังสือเล่มนี้กันค่ะ
1. เรียนรู้จากความผิดพลาดของการสู้กับคนโง่
แม้ว่าเป้าหมายของหนังสือเล่มนี้คือการให้พวกเราเลิกสู้กับคนโง่อย่างเปล่าประโยชน์ แต่คุณทามุระแนะนำให้ลอง “สู้กับคนโง่ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเลือดร้อน” ซึ่งผู้คนยังสามารถให้อภัยกับความเยาว์วัยได้ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น ความผิดพลาดจากการต่อสู้กับคนโง่อาจร้ายแรงจนกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายได้
คุณทามุระก็เคยผ่านศึกสู้กับคนโง่มามากมายด้วยอารมณ์ร้อนจนต้องเสียหน้าที่การงาน เช่น สมัยที่เขาเป็นนักการเมือง เขาเคยโกรธรุ่นพี่ที่นินทาว่าร้ายเขาลับหลัง เขาจึงระบายความโกรธด้วยการด่าว่าอีกฝ่ายให้รุ่นพี่คนอื่นๆ ฟัง กลายเป็นว่าพวกรุ่นพี่ทำตามระเบียบการคือรายงานเบื้องบนจนทำให้คุณทามุระเสียชื่อเสียงและความไว้วางใจ บาดแผลครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้เขามีสติมากขึ้นและเลือกที่จะระบายความโมโหในที่ห่างไกลผู้คน เช่น เขียนหรือพูดระบายในที่ห่างไกลผู้คน
นี่เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดสำหรับอดีตคนหัวร้อนอย่างซิสค่ะ สิ่งที่ย้ำเตือนให้เราไม่ตกเป็นทาสอารมณ์โกรธจนทำพลาดอีกก็คือความผิดพลาดในอดีตของตัวเราเอง
2. เป้าหมายสำคัญกว่าความสะใจชั่วคราว
เมื่อสมัยที่คุณทามุระยังเป็นนักการเมือง เขาเคยปะทะกับ ‘ศัตรูที่ไม่อาจให้อภัยได้’ คนหนึ่งอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งคุณทามุระโมโหจนสติหลุดและข่มขู่อีกฝ่าย เขารู้สึกสะใจเพียงชั่วคราว แต่ผลลัพธ์หลังจากนั้นเลวร้ายมาก นโยบายที่คุณทามุระพยายามผลักดับหายวับไปในทันที เขาเสียชื่อเสียงและเสียโอกาสในการทำเป้าหมายที่สำคัญให้สำเร็จ
บทเรียนในครั้งนี้ทำให้คุณทามุระรู้จักการยอมถอย ยอมก้มหัวให้กับคนโง่ เขายอมไม่ใช่เพราะเกรงกลัวหรือเกรงใจอีกฝ่าย แต่ยอมเพราะตระหนักได้ว่า “เป้าหมายสำคัญกว่าความสะใจชั่วคราว” แล้วการก้มหัวในครั้งนั้นก็ทำให้งานคืบหน้าต่อไปได้ด้วยดี
บางครั้งกลยุทธ์ในการสู้กับคนโง่คือการยอมถอยเพื่อไปสู้เป้าหมาย
3. วิธีระงับและระบายความโกรธอย่างมีสติ
การระเบิดอารมณ์ต่อหน้าคนอื่นมักจะเกิดผลเสีย ทั้งเป็นการแสดงภาพลักษณ์ที่น่าอึดอัดใจ อาจถูกรายงานต่อที่ทำงานเหมือนที่คุณทามุระเคยโดน เมื่อเราได้สติขึ้นมา มักจะรู้สึกเสียใจภายหลังด้วย ดังนั้นหากคุณรู้สึกโกรธ ลองทำตามวิธีนี้ดูค่ะ
✦ หายใจเข้าออกลึกๆ นับเลขช้าๆ: ในหนังสือ Disneyland ทำอะไร ทำไมใครๆ ก็หลงรัก แนะนำไว้ว่าเมื่อโกรธสุดๆ ให้นับ 1-6 ช้าๆ เพราะคนเราจะโกรธสุดๆ ได้เพียง 6 วินาทีเท่านั้น หลังจากผ่าน 6 วินาทีไป คุณจะมีสติมากขึ้นและรับมือกับสถานการณ์ได้ฉลาดกว่าใช้อารมณ์โกรธ
✦ ถอดจิต: นี่ไม่ใช่วิธีไสยศาสตร์พิสดารแต่อย่างใด คุณทามุระได้เคล็ดลับนี้มาจากรุ่นพี่นักการเมืองที่ได้รับความเคารพอย่างสูงทุกคน เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะเกิดเรื่องที่ทำให้โมโห เขาจะสมมติว่าตัวเองวิญญาณออกจากร่างและมองลงมาจากมุมบน เหมือนสมมติว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สามที่กำลังดูละครการถกเถียงที่เกิดขึ้น วิธีนี้จะทำให้เขามีสติและมองอีกฝ่ายได้ชัดเจนขึ้นว่า อีกฝ่ายกำลังยั่วโมโหทำไม ต้องการอะไร และตอบโต้กลับได้อย่างมีสติมากขึ้น
✦ พูดหรือเขียนระบายความโกรธในที่ห่างไกลผู้คน: เมื่อคุณกำลังจะระเบิดเพราะความโกรธ ให้ขอตัวเดินออกไปในที่ห่างไกลผู้คน แล้วพูดระบายหรือเขียนระบายความโกรธในใจออกมาลงบน ‘เดธโน้ต’ ส่วนตัว เขียนออกมาให้หมด อย่าเก็บกดไว้ในใจ ขอเพียงอย่างเดียว อย่ากดส่งไปให้คนอื่นอ่านก็พอ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเราเมื่อไหร่
ซื้อหนังสือ: นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
กรณีศึกษาจากแชงค์ส จักรพรรดิผมแดงแห่ง One Piece
ระหว่างที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ซิสนึกถึงฉากสำคัญของ แชงค์ส จักรพรรดิผมแดงแห่งการ์ตูน One Piece ฉากที่แชงค์สโดนโจรภูเขาเอาขวดเหล้าตีหัว ทั้งที่แชงค์สสามารถหลบหรือเอาชนะโจรภูเขาได้ง่ายดาย แต่เขาเพียงแค่หัวเราะและปล่อยผ่านไป เพราะจะเปลืองแรงและเวลาสู้กับคนที่ไม่คู่ควรไปทำไมล่ะ!
ลองจินตนาการต่อว่าถ้าแชงค์สโต้กลับพวกโจรภูเขา หมู่บ้านคงจะเสียหายจากการต่อสู้ แล้วเมื่อพวกแชงค์สออกทะเลไปแล้ว โจรภูเขาอาจจะมาระบายแค้นกับคนในหมู่บ้านที่สนิทสนมกับพวกแชงค์สแทน ดังนั้นเหมือนที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้ว่า “บางครั้งวิธีชนะที่ดีที่สุดคือการสู้โดยไม่ต้องสู้”