#ReadersGarden เล่มที่ 74
“อาหารไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้อิ่ม แต่ยังเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน” เป็นข้อสรุปที่ซิสได้จาก 5 เรื่องสั้นรสชาติอบอุ่นหัวใจจากหนังสือรสชาติอาหารจานครอบครัวเล่มนี้ค่ะ เขียนโดยอาจารย์เอโกะ ยามากุจิ (山口 恵以子)
เรื่องสั้น 5 เรื่องเชื่อมโยงกันด้วยร้านอาหาฮาจิเมะที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นสไตล์ครอบครัว เช่น แกงกะหรี่, สตูเนื้อ, อุด้ง, ปลาย่าง แค่นึกถึงก็น้ำลายไหลแล้ว 🤤 เจ้าของร้านปัจจุบันคือคุณป้าใจดี 2 คน ได้แก่ คุณอิจิโกะ ผู้เป็นแม่สามี และคุณฟุมิ ลูกสะใภ้
ร้านฮาจิเมะตั้งอยู่ย่านซึคุดะที่ผสมผสานระหว่างความเป็นโตเกียวดั้งเดิมกับความศิวิไลซ์ของโตเกียวสมัยใหม่ ดังนั้นลูกค้าที่แวะเวียนมาจึงมีทั้งขาประจำที่อยู่ด้วยกันมากว่า 30 ปี และลูกค้าขาประจำหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ โดยเรื่องสั้นแต่ละเรื่องจะเป็นเหตุการณ์ปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเหล่าลูกค้าขาประจำของร้านฮาจิเมะ รวมถึงคนในชุมชน แต่ไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์ยากอะไรมา คุณป้าทั้งสองก็พร้อมจะเสิร์ฟอาหารอร่อยๆ เพื่อเป็นพลังในการสู้กับปัญหาต่อไป ถ้าท้องหิวจะไปสู้รบปรบมือกับปัญหาได้อย่างไรล่ะ!
เล่มนี้เป็นเรื่องสั้นที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา เหมือนอาหารธรรมดาที่เราทานเป็นประจำแต่ก็ยังอร่อยไม่มีเบื่อ ที่แน่ๆ อ่านแล้วหิวค่ะ อ่านจบไปตอนเดียว ต้องกดสั่งอาหารญี่ปุ่นมาทานตามเลย ☺️
มาดูกันว่า 5 เรื่องสั้น 5 รสชาติจากร้านฮาจิเมะมีอะไรและให้ข้อคิดอะไรแก่เราบ้าง
⚠️ รีวิวต่อไปนี้มีการสปอยล์เนื้อหาในหนังสือ
เมนูที่ 1 แกงกะหรี่ของซอยสาม
เรื่องย่อ: เรื่องราวของคุณคาโยโกะ ลูกค้าสาวแสนสวยที่แวะมาทานมื้อเที่ยงที่ร้านฮาจิเมะทุกวันอังคารได้ไม่นาน สไตล์การแต่งตัวและข้าวของของเธอดูหรูหราจนดูไม่เข้ากับบรรยากาศร้านอาหารบ้านๆ จึงทำให้คุณป้าอิจิโกะและคุณป้าฟุมิแปลกใจว่าทำไมสาวสวยที่ดูร่ำรวยถึงมาทานข้าวร้านนี้ แถมมักจะเข้าร้านมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง แต่เมื่อได้ทานอาหารของร้านฮาจิเมะ เธอก็จะมีสีหน้าสดชื่นขึ้น
ขณะเดียวกันทางร้านฮาจิเมะก็ได้ต้อนรับลูกค้าขาประจำคนใหม่ คุณฟุจิชิโระ ชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะเป็นเศรษฐีใหม่ เขาแต่งตัวด้วยแบรนด์เนม มักจะมาทานมื้อค่ำที่ร้านฮาจิเมะ 3 วันต่อสัปดาห์เพราะรสชาติอาหารของที่นี่ทำให้คิดถึงรสชาติฝีมือคุณแม่
สองลูกค้าขาประจำหน้าใหม่ชายหญิงที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน มาร้านฮาจิเมะคนละวันคนละเวลา กลับกลายเป็นว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน!
ต้นเหตุใบหน้าเศร้าหมองของคุณคาโยโกะ ลูกค้าสาวสวยก็มาจากการที่สามีหนีมาทานมื้อค่ำที่ร้านฮาจิเมะ ทั้งที่เธอเรียนคอร์สทำอาหารชั้นสูงเพื่อทำอาหารให้เขาทานทุกวัน จนเธอสงสัยว่าเขากำลังนอกใจและติดพันสาวที่ร้านแห่งนี้ แต่สาเหตุที่แท้จริงนั้น คุณฟุจิชิโระเพียงแต่ชอบอาหารธรรมดาแบบครอบครัว แต่เขาไม่กล้าบอกภรรยา เพราะสมัยที่เขาจีบเธอ เขาพาเธอไปทานอาหารชั้นสูงเป็นประจำ จึงกลัวว่าเธอจะไม่ชอบหากรู้ว่าเขาไม่ได้มีรสนิยมหรูหราเหมือนเศรษฐีทั่วไป
ข้อคิด: เรื่องนี้เป็นปัญหาคลาสสิกของคู่รักคือ การไม่สื่อสารกันและการไม่เป็นตัวของตัวเอง หากคุณฟุจิชิโระและคุณคาโยโกะเปิดอกคุยกันตั้งแต่แรก พวกเขาคงจะได้มานั่งทานอาหารที่ร้านฮาจิเมะด้วยกันอย่างมีความสุขไปตั้งนานแล้ว
การเอาอกเอาใจอีกฝ่ายจนไม่เป็นตัวของตัวเองอาจทำให้เขาหันมาชอบเราได้ แต่ก็เพียงชั่วคราว สักวันความอึดอัดใจจากการปกปิดตัวเองย่อมสร้างปัญหา ดังนั้นเปิดเผยตัวตนอย่างจริงใจตั้งแต่แรกย่อมดีกว่า หากเขาไม่ชอบตัวตนของเรา ให้คิดเสียว่าเราเพียงแค่ ‘ไม่สมรสนิยม’ กัน เขาไม่ได้ผิด คุณเองก็ไม่ผิด คุณสามารถเลือกได้ว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา หรือจะเดินหน้าหาคนที่รักตัวตนของเรา
เมนูที่ 2 สลัดเต้าหู้ของแม่
เรื่องย่อ: เรื่องราวของคุณโกโต นายตำรวจวัยเกษียณที่อาศัยอยู่คนเดียวหลังจากภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว เขามักจะแวะมาที่ร้านฮาจิเมะเดือนละ 2-3 ครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งมีคนสังเกตว่าคุณโกโตได้หายตัวไป จึงพากันไปแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจและคุณป้าฟุมิเข้าไปในบ้านคุณโกโต ก็พบว่าเพียงความว่างเปล่า ข้าวของภายในบ้านวางเละเทะ ในครัวมีเพียงข้าวกล่องมากมายจนทำให้คุณป้าฟุมิอดเศร้าใจไม่ได้ที่เห็นว่าคุณโกโตไม่ได้ทานอาหารดีๆ เลยหลังจากภรรยาเสียไป
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีข่าวดี คุณโกโตกลับมาแล้ว! ปรากฏว่าเขาหายไปเที่ยวอเมริกาโดยไม่ได้บอกใคร เขาใช้ชีวิตบั้นปลายทำตามความฝันโดยการตามไปเชียร์ทีมเบสบอลที่ตัวเองเป็นแฟนคลับมาเนิ่นนาน สมัยที่ภรรยายังอยู่ เขาไม่สามารถไปได้เพราะภรรยากลัวเครื่องบินและเขาก็ห่วงเธอเกินกว่าจะไปคนเดียว เมื่อเขาเหลือตัวคนเดียวแล้ว จึงทำตามความฝันได้โดยหมดห่วง รวมถึงตัวเขาเองไม่ชอบอาหารที่รอนาน เขาชอบทานข้าวกล่องหรืออาหารสำเร็จรูปที่ทานได้ทันที ขอแค่อาหารที่ทำให้ท้องอิ่มก็พอ
ข้อคิด: สิ่งที่คุณป้าฟุมิตระหนักได้จากเรื่องราวของคุณโกโตคือ ความชอบของคนเราช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เดิมทีเธอตัดสินแทนคุณโกโตไปแล้วว่า ชีวิตเขาช่างน่าสงสารเหลือเกิน เมื่อภรรยาจากไปทำให้เขาไม่ได้ทานอาหารปรุงดีๆ เลย แต่กลับต้องทานข้าวกล่องอย่างโดดเดี่ยว แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากคุณโกโตกลับพบว่า เขามีความสุขดีกับชีวิตตอนนี้ ได้ทำตามความฝันโดยไม่มีห่วงและได้ทานของที่อยากกินโดยไม่ต้องรอนาน ดังนั้นอย่าเอาความชอบหรือรสนิยมของเราไปตัดสินแทนชีวิตคนอื่นเลย
เมนูที่ 3 ไก่ปิ้งของพ่อ
เรื่องย่อ: เรื่องราวของชินอิจิ หัวหน้าเชฟร้านอาหารอิตาลีมากฝีมือที่ต้องกลับมาช่วยงานที่ร้านไก่ปิ้งเก่าแก่ของพ่อแม่ชั่วคราวเพราะร้านอาหารอิตาลีที่เขาทำงานอยู่ปิดกิจการลง ชินอิจิพยายามจะเปลี่ยนร้านของพ่อแม่ให้กลายเป็นร้านอาหารอิตาลี แต่พ่อแม่ไม่ยอม พวกเขาจึงทะเลาะกันทุกวันจนบรรยากาศในร้านตึงเครียดแม้แต่ลูกค้ายังสัมผัสได้
ชินอิจิเจอที่ปรึกษาด้านการตกแต่งร้านคนหนึ่งซึ่งเขาไว้ใจมาก เขานำข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับร้านไก่ปิ้งของพ่อแม่ไปปรึกษาเพื่อหวังว่าจะรีโนเวทมันให้กลายเป็นร้านอาหารอิตาลีของตัวเอง
ขณะเดียวกันคุณโนดะ ลูกค้าประจำและเพื่อนสนิทของคุณป้าฟุมิก็เพิ่งเจอปัญหาจนเธอซูบผอมไปเลย เธอทำงานเป็นผู้ช่วยมาม่าซังและเพิ่งเจอลูกค้าชักดาบไป ทำให้เธอต้องนำเงินเก็บมาจ่ายค่าเสียหายแทน
สุดท้ายแล้วด้วยการเปิดโปงของคุณป้าฟุมิ เธอพบว่าที่ปรึกษาของชินอิจิและคนที่ชักดาบร้านของคุณโนดะคือคนเดียวกัน! เขาเป็นมิจฉาชีพที่มักจะหลอกเอาเงินค่าที่ปรึกษาแล้วชิ่งหนี การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้ชินอิจิตาสว่างและยอมแพ้เรื่องร้านไก่ปิ้งของพ่อแม่ เขากลับไปทำงานเป็นหัวหน้าเชฟที่ร้านอื่น
ขณะที่คุณพ่อของชินอิจิตั้งใจว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะเกษียณและยกร้านนี้ให้ลูกชายไปทำร้านอาหารฝรั่งตาใจอยู่ดี เพียงแต่ตอนนี้เขาอยากให้ลูกชายได้ฝึกฝีมือมากกว่านี้ก่อน
ข้อคิด: เรื่องราวตอนนี้เป็นปัญหาครอบครัวที่เกิดจากความดื้อรั้นทั้งสองฝ่าย ซิสมองว่าเป็นเรื่องดีที่ชินอิจิทะเยอทะยานอยากพัฒนาร้านอาหารของพ่อแม่ให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น แต่ความใจร้อนก็ทำให้เขาเกือบพลาดพลั้งตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ นอกจากนี้ความดื้อรั้นของทั้งพ่อและลูกชายที่ทะเลาะกันใหญ่โตทำให้เกิดบรรยากาศตึงเครียดไปถึงลูกค้า
ดังนั้นเมื่อเกิดการทะเลาะกันในครอบครัว เราควรจะมีความประนีประนอมกัน คุยกันด้วยเหตุผล ลดการใช้อารมณ์ หากคุยกันด้วยอารมณ์ร้อนๆ อาจจะเผลอพูดหรือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เสียใจในภายหลังได้ ยิ่งสนิทยิ่งต้องเกรงใจกัน
เมนูที่ 4 อุด้งมะเขือม่วงเย็นแห่งความฝัน
เรื่องย่อ: เรื่องราวของคานาเมะ ลูกสาวของคุณป้าฟุมิ เธอทำงานที่สำนักพิมพ์ขนาดเล็กแห่งหนึ่งและกำลังมีความรักบล็อกเกอร์หนุ่มนักชิม คานาเมะพาเขามาทานอาหารที่ร้านของบ้านเธอ เมื่อคนเป็นแม่อย่างคุณป้าฟุมิเห็นก็รู้ทันทีว่า 1.) ลูกสาวของเธอกำลังหลงเสน่ห์บล็อกเกอร์หนุ่มคนนี้แล้ว และ 2.) แม้ภายนอกจะดูเป็นหนุ่มแสนดี แต่เขาเป็นพวกเจ้าชู้เงียบที่โปรยเสน่ห์ไปทั่วและไม่เคยปฏิเสธสาวๆ
สาเหตุที่คุณป้าฟุมิมองบล็อกเกอร์หนุ่มทะลุปรุโปร่งก็เพราะเธอเคยมีประสบการณ์หลงรักผู้ชายแบบนี้มาแล้วยังไงล่ะ! แม้เธอจะเป็นห่วงลูกสาว แต่เธอก็รู้ดียิ่งกว่าใครว่าเรื่องความรักแบบนี้ ห้ามไป เตือนไป ใครจะฟัง ยิ่งห้ามลูกจะยิ่งตีตัวออกห่างมากกว่า “คนนอกพูดอะไรไปก็เสียเวลาเปล่า ต้องรอให้เจ้าตัวรู้สึกเอง… ตอนนี้พวกเราเฝ้ามองอยู่ห่างๆ กันเถอะค่ะ”
ข้อคิด: ความรักเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของโลก มันเป็นพลังให้เราทำสิ่งดีๆ ที่เราไม่เคยคิดว่าจะทำได้ รวมถึงเป็นพลังให้เราทำเรื่องโง่ๆ แบบที่เราไม่เคยคิดว่าจะทำเช่นกัน แล้วอย่างที่เขาว่ากันว่า ความรักทำให้คนตาบอด ต่อให้คนรอบข้างห้ามยังไง เราก็ไม่สามารถห้ามหัวใจตัวเองได้ สุดท้ายแล้วอย่างที่คุณป้าฟุมิบอก “ต้องรอให้เจ้าตัวรู้สึกเอง” ลองรักเอง เจ็บเองและเรียนรู้เอง
เมนูที่ 5 สตูเนื้อในฝัน
เรื่องย่อ: เรื่องราวของไทระ ไดคิจิ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเคยได้รับการช่วยเหลือจากคุณโคโซ เจ้าของร้านคนก่อนของร้านฮาจิเมะ ซึ่งเป็นสามีของคุณป้าอิจิโกะที่เสียชีวิตไปแล้ว ตอนที่คุณไทระยังเป็นวัยรุ่นและเผชิญมรสุมชีวิต คุณโคโซเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้และเคยเสิร์ฟสตูเนื้อที่อร่อยที่สุดให้ไทระ เขาจึงกลับมาที่ร้านฮาจิเมะอีกครั้งในรอบสี่สิบปีเพราะอยากทานสตูเนื้อที่คุณโคโซเคยทำให้อีกครั้ง
แม้ว่าคุณโคโซจะเสียไปแล้ว แต่เขาทิ้งสูตรอาหารไว้ คุณป้าอิจิโกะจึงอาสาทำสตูเนิ้อตามสูตรของสามีเสิร์ฟให้ไทระ แต่เขากลับบอกว่า “ไม่ใช่รสชาตินี้” พร้อมน้ำเสียงตำหนิดูถูก แม้จะทำตามสูตรอีกครั้ง แต่ไทระยังยืนกรานว่าไม่ใช่อย่างหยาบคาย
สุดท้ายแล้วคุณมิฮาระ ลูกค้าประจำเก่าแก่ของร้านฮาจิเมะก็อาสาว่าจะพารุ่นน้องของคุณโคโซ เจ้าของร้านคนเก่ามาทำสตูเนื้อตามสูตรให้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ไทระก็ยังพูดคำเดิมว่าไม่ใช่รสชาตินี้
แต่คุณมิฮาระตั้งข้อสงสัยกลับว่า จะไม่รสชาตินี้ได้อย่างไรในเมื่อสูตรสตูเนื้อของคุณโคโซเป็นสูตรเดียวกับของโรงแรมเทโตะชื่อดังที่คุณโคโซเคยทำงานที่นั่น และรุ่นน้องที่ทำสตูนี้คืออดีตหัวหน้าเชฟโรงแรมเทโตะ เป็นเชฟในตำนานที่ยังมีชีวิตและเป็นรุ่นน้องคุณโกโซสองปี ดังนั้นมันคือรสชาติเดียวกันอย่างแน่นอน
เมื่อถูกต้อนจนจนมุม คุณไทระก็รับสารภาพว่าบริษัทของเขากำลังจะล้มละลาย เขาจึงพนันกับตัวเองว่าถ้ารสชาติสตูเนื้อที่เปลี่ยนชีวิตเขาในวันนั้นเปลี่ยนไป บริษัทจะรอด แต่ถ้ารสชาติเหมือนเดิม บริษัทจะล้ม ที่จริงแล้วเขาจำรสชาติในวันนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจึงภาวนาว่าขอให้รสชาติอาหารเปลี่ยนไป
แต่แล้วคุณไทระก็รู้ว่าร้านอาหารฮาจิเมะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่เป็นบรรยากาศอบอุ่นและสีหน้าของลูกค้าที่ออกมาจากร้านอย่างมีความสุขก็ยังคงเหมือนเดิมตลอดสี่สิบปี
ข้อคิด: เรื่องราวของคุณโคโซ เจ้าของร้านคนเก่าเป็นแรงบันดาลใจให้เราใช้ชีวิตที่ดี จงมีเมตตาและช่วยเหลือผู้อื่น แม้เขาจะเสียชีวิตไปหลายสิบปีแล้ว แต่ยังคงอยู่ในใจและได้รับความเคารพจากคนรอบข้างเสมอมา ซึ่งความดีของเขายังส่งผลดีมาถึงครอบครัว ทำให้คนรอบข้างพร้อมจะช่วยเหลือครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน
ซื้อหนังสือ: นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
วรรณกรรมเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงอนิเมะเรื่อง Kakuriyo no Yadomeshi (2018) : นายท่านอสูรกับเจ้าสาวมนุษย์ของเขา นางเอกชอบทำอาหารและใช้เสน่ห์ปลายจวักเชื่อมสัมพันธ์และผูกหัวใจผู้คน(และภูติผีปีศาจ)ไว้ด้วยกัน มันทำให้เราเห็นว่าอาหารไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้ท้องอิ่ม แต่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คน ปลอบประโลมในวันที่รู้สึกแย่ รื้อฟื้นความทรงจำแสนสุข และสร้างความทรงจำดีๆ กับคนที่เราห่วงใย