ยินดีต้อนรับสู่จุดหมายปลายทางแห่งแรกของทริปนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่น 9 เมือง 7 วัน ฉบับผู้หญิงคนเดียวของซิส เมืองยูฟุอิน (Yufuin) หมู่บ้านในหุบเขาเวทมนตร์ ที่นี่เป็นเมืองเดียวที่อยู่นอกเส้นทางบัตร JR Sanyo-San’in Pass แต่ต้องมนต์สะกดต้องแต่เห็นภาพในอินเตอร์เน็ตจนยอมออกนอกเส้นทางแวะไปชมแม้จะมีเวลาเที่ยวเพียงครึ่งวัน
วิธีการเดินทางไป-กลับเมืองยูฟุอิน
ซิสเริ่มต้นเดินทางจากเมืองฮากาตะ (Hakata) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) โดยขาไปนั่งรถบัสจากสถานีฮากาตะไปลงสถานียูฟุอิน ราคา 2,930 เยน (ประมาณ 730 บาท) 🚌 ขากลับนั่งรถไฟขบวนพิเศษจากสถานียูฟุอินกลับมาที่สถานีฮากาตะค่ะ ราคา 4,640 เยน (ประมาณ 1,150 บาท) 🚂
เนื่องจากซิสบินจากกรุงเทพฯ มาลงสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka) จึงเริ่มต้นการเดินทางที่เมืองฮากาตะ ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเดินทาง มีให้เลือกทั้งรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถบัส แท็กซี่ สะดวกมากๆ
ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางไปเมืองยูฟุอินด้วยรถไฟขบวนพิเศษ Yufuin no Mori รถไฟสีเขียวสายธรรมชาติ แล่นผ่านภูเขาและทุ่งหญ้า ภายในรถไฟตกแต่งสีเขียวสบายตา มีสาวๆ พนักงานคอยบริการอาหารเครื่องดื่มเหมือนกับแอร์โฮสเตสของสายการบินเลยค่ะ
รถไฟขบวนนี้จึงป็อปปูลาร์มากๆ และจองยากมาก ถ้าไม่จองตั๋วล่วงหน้า แทบจะไม่มีโอกาสได้นั่งเลย ซึ่งการจองตั๋วล่วงหน้าจำเป็นต้องใช้หมายเลข JR Kansai Pass ซึ่งเราไม่มีค่ะ จึงไปซื้อตั๋วที่สถานีฮากาตะ ปรากฎว่าตามคาด ที่นั่งเต็มทุกรอบ! เหลือเพียงขบวนสุดท้ายที่นั่งจากเมืองยูฟุอินกลับมาเมืองฮากาตะ ขาไปจึงเดินทางด้วยรถบัส แล้วขากลับนั่งรถไฟค่ะ
โอโมเตนาชิของพนักงานรถบัส
แม้ซิสจะอดขึ้นขบวนรถไฟสายพิเศษไปเมืองยูฟุอินจนต้องเปลี่ยนมานั่งรถบัสแทน แต่ก็เป็นโชคดีเพราะทำให้เราได้สัมผัสโอโมเตนาชิ จิตวิญญาณการบริการแบบญี่ปุ่นจากคุณลุงคนขับรถบัสและน้องสาวพนักงานขายตั๋วรถบัส ซึ่งสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมมาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องเกิดขึ้นระหว่างกำลังรอเวลารถบัสออกจากท่า ซิสลองกดซื้อน้ำเปล่าจากตู้น้ำหยอดเหรียญที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ปรากฏว่าขวดน้ำเจ้ากรรมไม่ยอมกลิ้งออกมา เหลือไม่กี่นาทีก่อนรถออก ผู้โดยสารก็นั่งรอกันพร้อมหน้าแล้ว เหลือแต่ซิสที่ยืนสู้กับตู้กดน้ำ คอแห้งผากเหลือเกิน มัวแต่ตื่นเต้นจนไม่ได้ดื่มน้ำเลยตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน ฉันต้องได้น้ำขวดนั้น!
ซิสหันไปทำตาปริบๆ ส่งสัญญาณ “Help me please~” ใส่คุณลุงคนขับรถบัสที่ยืนรอผู้โดยสารอยู่ คุณลุงรีบกุลีกุจอมาช่วยดูใหญ่ ทั้งกดรัวๆ ทุบเบาๆ ขวดน้ำก็ยังดื้อไม่ยอมออกมา เมื่อเห็นว่าอีก 1 นาทีถึงเวลาเดินรถแล้ว ซิสเลยโบกไม้โบกมือ “It’s okay.” ไม่ต้องแล้วค่ะ หนูทนได้~ ซิสยอมแพ้แล้ว แต่คุณลุงไม่ยอมค่ะ
คุณลุงรีบวิ่งไปที่เคาท์เตอร์ขายตั๋วรถบัส รัวภาษาญี่ปุ่นใส่น้องพนักงานสาวขายตั๋วหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง น้องทำหน้าตกใจประหนึ่งเพิ่งจะได้ยินปัญหาระดับชาติ แล้วพากันวิ่งกลับมาที่ตู้กดน้ำ น้องก็ทำตามสเต็ป กดรัวๆ ทุบเบาๆ สุดท้ายน้องหันฝ่ามือแบบสับคอคาราเต้ ฟาดลงตู้ดังผั๊วะ! เจ้าขวดน้ำสิ้นฤทธิ์ ค่อยๆ กลิ้งหลุนๆ ออกมา ทั้งน้องทั้งลุงมีสีหน้าดีใจราวกับเป็นคนซื้อน้ำซะเอง พร้อมค่อยๆ ยื่นขวดน้ำให้ซิสอย่างระมัดระวัง
สุดท้ายคุณลุง ซิสและขวดน้ำก็ได้ออกรถโดยสวัสดิภาพ ซิสมองขวดน้ำอย่างซาบซึ้ง ดื่มไปน้ำตาคลอเบ้า ซึ้งขนาดนั้นเลย? เปล่า… นี่มันน้ำโซดานี่หว่า ผ่าม! 😂 จากคอแห้งกลายเป็นแสบคอจนน้ำตาไหล ถึงจะลงเอยด้วยการแสบคอไปตลอดทาง แต่นี่เป็นหนึ่งในความทรงจำประทับใจไม่รู้ลืมที่ญี่ปุ่นของซิส
นอกจากจะประทับใจพนักงานรถบัสแล้ว ตัวรถบัสเองก็น่าประทับใจ ทั้งสะอาดสอ้าน พื้นที่กว้าง เบาะนุ่มหลับสบาย ฟรี Wi-fi และที่ชาร์จแบตที่ใช้งานได้จริง ผู้โดยสารน้อย นั่งกันคนละ 4 เบาะยังได้ 😂 รถไม่ติดเลยค่ะ ชมวิวธรรมชาติ 2 ข้างทางได้ชิลๆ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ถึงเมืองยูฟุอินแล้ว
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองยูฟุอิน
ที่นี่เป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่น่ารักมาก รายล้อมด้วยภูเขาไฟ (ดับแล้วหรือยังไม่รู้ 😂) โด่งดั่งเรื่องน้ำพุร้อนออนเซ็น ปีนเขา ชมทุ่งหญ้าบนที่ราบสูง ซิสมาเที่ยวช่วงต้นเดือนธันวาคมซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศเย็น 5 องศา หนาวจนขาสั่นจนแทบจะเดินไม่ไหวเลยค่ะ
เราเดินเที่ยวเส้นทางตรงจากสถานียูฟุอินไปยังทะเลสาบคินริน ตามแผนที่ใช้เวลาเดินเพียง 20 นาที แต่ซิสใช้เวลาจริง 2 ชั่วโมงค่ะ! เพราะโดนดึงดูดระหว่างทาง เดินเข้าร้านนั้น แว่บร้านนี้ มีอะไรให้ชมเต็มไปหมด
ระหว่างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก มีทั้งร้านรถเข็นเดินกินและร้านแบบนั่งทานในร้าน ร้านขายของที่ระลึกก็น่ารักน่าเสียเงินมาก โดยเฉพาะร้าน Totoro ที่มีสินค้าลิขสิทธิ์ของ Ghibli Studio ในราคาไม่แพง ร้าน Dog & Cat Shop สำหรับทาสหมาทาสเหมียวที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน และร้านไอศกรีม Snoopy ที่มีสนูปปี้นั่งต้อนรับอยู่หน้าร้าน ซิสขอเรียกเส้นทางนี้ว่า ‘ถนนละลายทรัพย์’ ถ้านี่ไม่ใช่วันแรกในญี่ปุ่นล่ะก็ ซิสคงเปย์หมดตัวให้หมู่บ้านนี้ไปแล้ว
อ่อ! ระหว่างทางมีร้านเช่าชุดกิโมโนพร้อมบริการแต่งหน้าทำผมด้วยนะคะ ใครที่อยากถ่ายรูปให้ได้บรรยากาศวัฒนธรรมญี่ปุ่น สามารถมาใช้บริการได้ นอกจากนี้ยังมีบริการนั่งรถม้าลากชมเมืองด้วย ซึ่งซิสหันไปเจอจังหวะน้องม้ากำลัง 💩 กลางถนนพอดี สงสารเลย น้องน่าจะไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังต้องทำงาน
ไฮไลท์ของที่นี่คือหมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล (Yufuin Floral Village) หมู่บ้านแฟนตาซีสไตล์ยุโรปที่น่ารักเกินต้านจนทำให้ซิสยอมออกนอกเส้นทางทริปเพื่อมาชมที่นี่โดยเฉพาะ เข้าชมฟรี ถ่ายรูปได้ตามสบาย แม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็น่ารักทุกจุด มีคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนดังๆ อยู่เพียบ
ไฮไลท์อีกที่คือทะเลสาบคินริน (Kirin Lake) ที่ใสสะอาด รอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ที่กำลังผลัดใบสีส้มแดง มีน้ำตกเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ เป็นสถานที่สุขสงบเหมาะกับการผ่อนคลายมากค่ะ
น่าเสียดายว่าอากาศหนาวมาก หนาวจนซิสก้าวขาไม่ออก 🥶 เลยหนีกลับมานั่งพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวข้างสถานีรถไฟ อบอุ่นมาก มีโบรชัวท่องเที่ยวฉบับภาษาไทยด้วยค่ะ คนไทยน่าจะมากันเยอะ อ่อ! ตอนที่ซิสมา เจอแต่ชาวเกาหลีใต้ ชาวไทยและชาวญี่ปุ่น ไม่มีฝรั่งเลยค่ะ
เห็นว่าที่นี่เป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของคนญี่ปุ่นเองและคนเกาหลีใต้ เพราะเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้อยู่ใกล้กับเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น นั่งเรือเฟอร์รี่เพียง 5 ชั่วโมงก็ข้ามประเทศได้แล้ว ดังนั้นใครที่อยากเที่ยว 2 ประเทศ สามารถเที่ยวเส้นทางนี้ได้เช่นกันค่ะ
รีวิวรถไฟ Yufuin no Mori
ขากลับซิสได้นั่งรถไฟขบวนพิเศษ Yufuin no Mori กลับเมืองฮากาตะสมใจ ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายวิ่งตอน 5 โมงเย็นค่ะ ทีแรกคิดว่าดีเลย จะได้ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินจากบนรถไฟ แต่ดันลืมไปว่าที่นี่พระอาทิตย์ตกดินตอน 5 โมงเย็นพอดี ดังนั้นตอนรถไฟออก พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เทเลทับบี้ส์โบกมือลาเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่มีวิวใดๆ ให้ชม สองข้างทางมืดสนิทจนเห็นแต่หน้าบวมๆ เพราะอากาศหนาวของตัวเองสะท้อนกลับมา 😂
แต่ถึงไม่เห็นวิวทิวทัศน์ข้างนอก ข้างในรถไฟก็มีพื้นที่ให้สำรวจเล่นค่ะ สาวๆ พนักงานบริการเอาป้ายฉลองครบรอบ 30 ปีรถไฟสาย Yufuin no Mori มาให้ถ่ายรูปด้วย มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม (เสียเงินเพิ่ม) มีแจกโปสการ์ดเป็นที่ระลึก มีจุดถ่ายรูปโดยเฉพาะให้ ถึงจะไม่ได้เห็นวิว แต่แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้วค่ะ