
6 ธรรมเนียมฉลองวันฮาโลวีนของแต่ละประเทศ
“แม้ร่างกายจะจากไป แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ตลอดไปภายในใจเรา คนจะตายจริงๆ ก็ต่อเมื่อไม่มีใครนึกถึงเขาอีกต่อไปแล้ว” นี้คือจุดกำเนิดของ วันฮาโลวีน วันที่นอกจากเด็กๆ จะยิ้มแก้มปริเพราะได้ทานลูกอมไม่อั้น ยังเป็นวันที่เปิดโอกาสทุกคนได้รำลึกถึงผู้ล่วงลับอันเป็นที่รัก แบบไม่ดราม่า ไม่ฟูมฟาย โอบกอดช่วงเวลาแห่งความสุขที่เคยมีร่วมกัน นึกถึงสิ่งดีงามและคำสอนที่พวกเขาได้ฝากไว้ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีธรรมเนียมการฉลองที่แตกต่างกันออกไปค่ะ วันนี้ซิสขอพาสาวๆ ทัวร์รอบโลกชมงานฮาโลวีนในแบบฉบับของแต่ละประเทศกัน
1. วัน Day of the Dead ของแถบละตินอเมริกา

ในประเทศเม็กซิโก ละตินอเมริกาและสเปน มีวันหยุดประจำชาติที่เรียกว่า Día de los Muertos หรือ Day of the Dead แปลตรงตัวคือ วันแห่งผู้ตาย อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ที่จริงเป็นวันที่น่ายินดี เพราะเชื่อว่าวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะกลับมาหาครอบครัวที่บ้าน ตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี มีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ 3 วันเต็ม นับตั้งแต่วันฮาโลวีนที่ 31 ตุลาคมเรื่อยมา

ในงานฉลองจะประดับประดาด้วยดอกไม้ ลูกกวาด แต่ละบ้านจะนำภาพของผู้ที่ล่วงลับอันเป็นที่รักมาตั้งไว้ จุดเทียนนำทางกลับบ้าน เซ่นไหว้ด้วยอาหารที่ผู้ตายชอบ มักจะวางถังน้ำกับผ้าขนหนูไว้ วิญญาณจะได้เช็ดตัวให้สะอาดก่อนเข้าบ้าน บางคนจะแต่งหน้าสไตล์ calavera หรือ sugar mask เป็นสัญลักษณ์ของวัฏจักรชีวิต เกิด-ตาย-เกิดใหม่
⚠️ การแต่งหน้า sugar mask ดูสวยงามและมีเอกลักษณ์จนเป็นที่นิยมในวันฮาโลวีน อย่างไรก็ตาม ชาวละตินอเมริกาบางส่วนมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมสำหรับคนนอกวัฒนธรรม (cultural appropriation) เพราะพวกเขาแต่งเป็นธรรมเนียมให้ความเคารพกับผู้ล่วงลับมากกว่าเป็นแฟชั่น จึงควรระวังและให้ความเคารพในวัฒนธรรมค่ะ
2. Samhain ของไอร์แลนด์และสกอตแลนด์

วัน Samhain มีที่มาจากชาวเคลต์โบราณ (Celts) บรรพบุรุษของชาวไอร์แลนด์ตั้งแต่ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จึงถูกมองว่าเป็นต้นกำเนิดของวันฮาโลวีนในปัจจุบัน งานฉลองเริ่มตั้งแต่เย็นวันที่ 31 ตุลาคม จนถึงเย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นงานที่ให้ระลึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป แต่ไม่ฟูมฟายเสียใจ ให้นึกถึงสิ่งดีงาม คำสอนที่พวกเขาทิ้งไว้และใช้มันนำทางเราในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

สมัยก่อนจะจัดในช่วงจบฤดูเก็บเกี่ยวและเริ่มต้นฤดูหนาว ซึ่งถือว่าเป็น Darker half (เริ่มต้นฤดูที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน) ดังนั้นจึงฉลองด้วยการก่อกองไฟ จุดคบเพลิง เล่นเกม และทานอาหารพื้นเมืองอย่าง Barmbrack ขนมปังไอร์แลนด์ที่ข้างในจะสุ่มใส่ไอเทมไว้ เช่น เหรียญ แหวน เป็นต้น ใครเคี้ยวอยู่แล้วเจอจะถือว่าโชคดี อย่างแหวนเป็นตัวแทนของการได้แต่งงาน ส่วนเหรียญเป็นตัวแทนของความร่ำรวย
3. Day of Dracula ประเทศโรมาเนีย

ถ้าพูดถึงเรื่องสยองขวัญของประเทศโรมาเนียก็ต้องนึกถึง เคาท์แดรกคูลา ผู้ดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แปลงร่างเป็นค้างคาวออกล่าเหยื่อยามค่ำคืน กลัวแสงอาทิตย์และกระเทียม ในช่วงวันฮาโลวีน ชาวโรมาเนียและนักท่องเที่ยวจึงจัดปาร์ตี้เฉลิมฉลองตำนานพื้นเมืองนี้ที่ปราสาทบราน (Bran Castle) ถึงแม้ว่านี้จะไม่ใช่ปราสาทจริงๆ ของท่านเคาท์แดรกคูลาในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นที่นิยมถึงขนาดมีนักท่องเที่ยวจองทัวร์ปาร์ตี้ฮาโลวีนจนเต็มทุกปี
4. Kawasaki Halloween Parade ของญี่ปุ่น

พาเหรดฮาโลวีนที่เมืองคาวาซากิ จังหวัดคานางาวา ถือว่าเป็นงานฮาโลวีนที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ฉลองกันยาวๆ ตลอดทั้งเดือนตุลาคม ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการแต่งคอสเพลย์อยู่แล้ว ดังนั้นสีสันในงานนี้คือการชมชุดคอสตูมที่แต่งมาประชันกัน ทั้งสดใส น่ากลัว สมจริงและสร้างสรรค์มาก สิ่งที่ทำให้ทุกคนรอคอยงานนี้คือ การรักษามาตรฐานของคอสตูมมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ว่าใครจะแต่งอะไรไก่กามาร่วมงานก็ได้ จะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าและแต่งคอสตูมที่ผ่านมาตรฐานของผู้จัดเท่านั้น
⚠️ ในปี 2020 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงไม่สามารถจัดพาเหรดได้อย่างที่เคย แต่ทางผู้จัดก็สร้างสรรค์และปรับตัวไวมาก โดยเปลี่ยนมาจัดพาเหรดออนไลน์แทน โดยมาในธีม “Cyberspace Costumes” ที่สามารถเข้าร่วมงานกันได้ทั่วโลก
5. Zaduszki ของโปแลนด์

Zaduszki เป็นชื่อภาษาโปลิชของวัน All Souls’ Day ที่ชาวคาธอลิกจะรำลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจุดเทียนหรือตะเกียงไว้บนหลุมศพ และนำดอกไม้ ลูกอม หรือของที่ผู้ตายชอบไปเซ่นไหว้ ตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี
6. Awuru Odo Festival ของไนจีเรีย
เทศกาลอาวูรู โอโด เป็นช่วงเวลาที่เชื่อว่าครอบครัวและเพื่อนอันเป็นที่รักจะกลับมาจากโลกแห่งความตายทุกๆ สองปี ดังนั้นงานจึงจัดปีเว้นปี โดยปีล่าสุดคือ 2019 จุดเด่นคือมีการแสดงละครโอโด (Odo หมายถึงวิญญาณ) ผู้แสดงจะใส่หน้ากากทั้งหมด แต่จะแต่งกายต่างกันตามตัวละคร โอโดผู้ใหญ่จะสวมงาช้าง โอโดชั่วร้ายหรือวิญญาณที่เป็นอาชญากรตอนยังมีชีวิตจะสวมหน้ากากสีดำและมีหนามปกคลุม ส่วนตัวละครอื่นๆ จะแต่งคอสตูมที่ทำจากใบไม้และขนนก
แหล่งอ้างอิง • history.come • globaltiesus.org

