#ReadersGarden เล่มที่ 68
“เอาล่ะ! มาเต้นกันให้เหมือนเป็นบ้าไปเลยดีกว่า ยังไงซะ อีก 100 ปีข้างหน้า ทุกคนก็ตายกันหมดแล้ว”
– Spinal Fluid Explosion Girl (脳漿炸裂ガール), Hatsune Miku & Gumi (แต่งโดย Rerulili)
ใครจะคิดว่าท่อนฮุคจากเพลงแดนซ์หัวโยกของ Vocaloid จะกลายมาเป็นคติประจำใจที่มอบความกล้าให้กับสาวมัธยมขี้อ่อนไหวหรือ HSP (Highly Sensitive Person) แบบซิสปลดล็อกตัวเอง กล้าใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ กลัวความล้มเหลวน้อยลง เพราะยังไงซะ อีก 100 ปีทุกคนก็ตายกันหมดแล้ว
เหมือนกับชื่อหนังสือเล่มนี้ คิดมากไปทำไม อีก 100 ปีก็ตายกันหมดแล้ว ของคุณนาโอะเนียน ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ความยากลำบากของการเป็น HSP มาตั้งแต่สมัยประถมจนถึงวัยทำงานในรูปแบบการ์ตูนลายเส้นมินิมอลสุดน่ารัก แบ่งปันข้อดีและข้อเสียของคน HSP รวมถึงวิธีการรับมือจุดอ่อนของ HSP ในแง่บวก
สำหรับคนที่เป็น HSP เล่มนี้เป็นเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจเราและมอบเทคนิคดีๆ ในการรับมือกับความ HSP ที่เราอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน ส่วนคนที่มีคนรอบข้างเป็น HSP เล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและรับมือกับพวกเขาได้อย่างเหมาะสม คุณจะเข้าว่าทำไมพวกเขาถึงเจ้าน้ำตา พูดหนึ่งคิดไปสิบ หรือคิดมากจนน่าอึดอัด
คุณเป็น HSP หรือเปล่า?
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ HSP กันค่ะ Highly Sensitive Person (HSP) หมายถึง คนที่มีความอ่อนไหวสูง ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่มีสัมผัสไวต่อสถานการณ์รอบตัว ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง ยังมีคนที่เป็นผู้นำที่ใช้ความสามารถของ HSP ในการทำความเข้าใจและขับเคลื่อนคนอื่นๆ ด้วย
HSP ทุกประเภทมีลักษณะร่วมกัน 4 ประการ ได้แก่
- ระดับการประมวลผลลึกซึ้ง คิดรอบคอบและคิดถึงความเป็นไปได้มากมายจากเรื่องนิดเดียว
- ถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าได้ง่าย เช่น ไวต่อแสง เสียง กลิ่น จึงรู้สึกรำคาญหรือเสียสมาธิง่าย
- ตอบสนองทางอารมณ์รุนแรง เช่น ประทับใจง่าย ร้องไห้ง่าย โกรธง่าย
- อ่อนไหวต่อสิ่งต่างๆ ได้ง่าย
หากยังไม่แน่ใจว่าคุณมีระดับความ HSP สูงแค่ไหน สามารถลองทำแบบทดสอบจากเว็บไซต์ The Highly Sensitive Person ได้ที่นี่เลย
คุณนาโอะเนียนถ่ายทอดประสบการณ์ HSP ของตัวเองลงบนทวิตเตอร์และกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นหนังสือเล่มนี้ ทำให้เห็นว่ามีหลายคนเกลียดความขี้อ่อนไหวของตัวเองและมองมันในแง่ลบ คุณนาโอะเนียนก็เช่นกัน เธอมีความทรงจำแย่ๆ และเสียโอกาสมากมายเพราะความขี้อ่อนไหว เธอจึงอยากแบ่งปันวิธีการรับมือกับความอ่อนไหวในแง่บวก โดยซิสขอหยิบข้อที่ชอบมากที่สุด 4 ข้อมาแบ่งปันกันดังนี้ค่ะ
มองคนที่เราอิจฉาให้เป็น ‘ขุมพลัง’
เมื่อเราเห็นเพื่อนๆ หรือคนในโลกออนไลน์มีชีวิตที่ดีกว่า ก็อดอิจฉาไม่ได้ แทนที่จะแสดงความยินดีกับเขา กลับทนเห็นความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้จนตีตัวออกห่างเอง ทั้งรู้สึกผิดและคิดว่าคนใจแคบแบบตัวเองไม่น่ามีอยู่บนโลกนี้เลย ทำยังไงถึงจะแก้นิสัยขี้อิจฉาได้นะ
คุณนาโอะเนียนเคยมีเพื่อนนักเขียนที่เป็นผู้มีพระคุณผู้สอนสิ่งต่างๆ ให้เธอ แต่เมื่อเห็นคนคนนั้นประสบความสำเร็จ ก็อดอิจฉาไม่ได้ทั้งที่ไม่ได้อยากจะรู้สึกแบบนี้ จึงตีตัวออกห่างและไม่ได้ติดต่อกันอีก ความสัมพันธ์ดีๆ ต้องสะบั้นลงเพราะความรู้สึกที่ไม่เข้าท่าของตัวเองฝ่ายเดียว
ภายหลังเธอจัดการกับความรู้สึกอิจฉาโดยการมองว่า คนที่เราอิจฉาคือขุมพลัง เหมือนอย่างวัดหรือหรือสิ่งที่เราเคารพนับถือ พอคิดแบบนี้แล้วความรู้สึกอิจฉาก็พลันหายไป แถมยังรู้สึกโชคดีเมื่ออยู่ใกล้ๆ พวกเขาอีกต่างหาก
นี่เป็นวิธีจัดการกับความอิจฉาที่ซิสไม่เคยคิดมาก่อน พอลองมองคนที่เราอิจฉาในมุมนี้ดู ก็รู้สึกว่าความอิจฉาเบาบางลงจริงๆ ค่ะ พอมองว่าเขาเป็นเหมือนไอดอลที่เราชอบ ความอิจฉาก็กลายเป็นความรู้สึกนับถือและชื่นชมแทน
คุยเล่นไม่เก่ง ก็เป็นผู้ฟังที่ดีได้
คน HSP มักจะคุยเล่นไม่เก่งทั้งที่อยากจะคุยด้วย เพราะกลัวว่าผู้ฟังจะเข้าใจสิ่งที่ตัวเองสื่อสารผิด กะจังหวะไม่ถูกว่าควรจะร่วมวงสนทนาตอนไหน ถ้าพูดขึ้นมาแล้วคนอื่นหมดสนุกกันล่ะ สุดท้ายจึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า
หากคุยเล่นไม่เก่งก็ไม่จำเป็นต้องฝืน จากประสบการณ์ตรง การพูดน้อยเองก็เป็นข้อดีเพราะคนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนสุขุม รวมถึงถ้อยคำส่วนใหญ่ผ่านการกลั่นกรอง(จากความคิดมาก)มาแล้ว ทำให้ฟังดูน่าเชื่อถือ หรือบางทีก็กลายเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก
นอกจากนี้คน HSP ยังสามารถเป็นผู้ฟังที่ดีได้ด้วยความที่เป็นคนใส่ใจรายละเอียดและเอาคนอื่นมาไว้ก่อนตัวเองเสมอ ทำให้หลายๆ คนรู้สึกสบายใจเมื่อเล่าเรื่องให้คน HSP ฟัง
อย่าขี้เกรงใจจนเสียสิทธิ์ที่คุณควรจะได้รับ
คน HSP มักจะคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง บางครั้งจึงรู้สึกเกรงใจอย่างไม่เข้าท่า คุณนาโอะเนียนเคยยกคิวถ่ายเอกสารให้คนที่อยู่ข้างหลังก่อน เพราะตัวเองถ่ายเอกสารเยอะจึงเกรงว่าเขาจะรอนาน กลายเป็นว่าคนคนนั้นถ่ายเอกสารนานกว่า 30 นาทีโดยไม่ทุกข์ร้อน เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของเขาแล้ว
หากมันเป็นสิทธิ์ของคุณ ก็อย่าเกรงใจจนเสียเปรียบ บางครั้งความเกรงใจของเราก็ทำให้คนรอบข้างอึดอัดได้ เคยมีเพื่อนพูดกับซิสด้วยความหวังดีว่า ‘อย่าเกรงใจไม่เข้าท่า ขี้เกรงใจจนอึดอัดแล้ว’ มันทำให้เราเข้าใจว่า การเกรงอกเกรงใจกันเป็นสิ่งที่ควรมี แต่หากมากเกินไปก็ทำให้เราเสียสิทธิ์และคนรอบข้างรู้สึกแย่ได้
เพิ่มความมั่นใจด้วยการดูแลตัวเอง
คน HSP อ่อนไหวกับความคิดเห็นของคนรอบข้างมาก หลายครั้งจึงสูญเสียความมั่นใจและตัวตนได้ง่ายๆ จากคำวิจารณ์เพียงเล็กน้อยของคนรอบข้างที่อาจพูดโดยไม่คิดอะไรเลย
คุณนาโอะเนียนถูกเปรียบเทียบผลการเรียนมาตั้งแต่เด็ก เพียง 1 คะแนนก็เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของเด็กคนหนึ่งที่โรงเรียนเป็นเหมือนโลกทั้งใบ เธอจึงกดดันตัวเองด้วยคะแนนสอบดีๆ เพียงเพราะต้องการทำให้พ่อแม่พึงพอใจ โดยที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเธอชอบหรืออยากจะทำอะไร
นอกจากนี้เธอยังถูกหัวเราะเยาะเรื่องรูปร่างหน้าตามาตั้งแต่สมัยเด็ก ซ้ำร้ายคนที่หัวเราะเยาะคือบรรดาญาติๆ และพ่อแม่ของเธอเอง
“ยิ่งมีปมด้อยเรื่องหน้าตารุนแรงมาเท่าไหร่ ยิ่งห่วงเรื่องความสวยงามแบบสุดโต่งมากเท่านั้น” เมื่อเข้าสู่วัยมัธยม คุณนาโอะเนียนจึงหันมาใส่ใจดูแลตัวเอง รักสวยรักงามเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่กลับถูกพ่อแม่ต่อว่าว่า “แก่แดด” เธอจึงไม่กล้าแต่งหน้าแต่งตัวดีๆ ต่อหน้าพ่อแม่อีก กว่าเธอจะกล้าเป็นตัวของตัวเอง ก็ตอนที่ย้ายออกมาอยู่คนเดียว
เมื่อออกจากใต้ร่มเงาของพ่อแม่ คุณนาโอะเนียนถึงได้รู้สึกว่าที่จริงเรามีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและลบล้างปมด้อยได้ เมื่อเราดูแลตัวเองอย่างดีและชอบรูปลักษณ์ของเรา มันก็ช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้เรามีความสุขได้ ดังนั้นถ้าการศัลยกรรมจะช่วยลบล้างปมด้อยได้ หรือการแต่งหน้าแต่งตัวจะช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้เรามีความสุขได้ ก็ทำไปเถอะ
ข้อดีของ HSP
“แม้การสังเกตเห็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ มากมาย จะทำให้เหนื่อยอยู่บ่อยๆ แต่การสังเกตเห็นนี่แหละ ที่ทำให้พบเจอเรื่องประทับใจมากมาย เป็นที่พึ่งของคนที่เป็นทุกข์”
HSP เป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ และนำมาขยายให้ใหญ่ พร้อมคิดถึงความเป็นไปได้มากมายจากสิ่งเล็กๆ ทำให้มักพบเจอความสุขจากสิ่งเล็กๆ เช่น มองก้อนเมฆเป็นรูปแมวแล้วมีความสุข, ดื่มด่ำกับภาพยนตร์ เพลง หรืองานศิลปะได้อย่างลึกซึ้ง, เอ่ยชมกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของคนรอบข้าง หรือทักถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ เป็นต้น
ซื้อหนังสือ: นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
“HSP คือคนที่เข้าอกเข้าใจและเห็นใจคนอื่น ถ้าร่วมมือกันต้องสร้างโลกที่อ่อนโยนมากๆ ขึ้นมาได้แน่ๆ” ดังนั้นอย่าคิดว่าความขี้อ่อนไหวเป็นจุดอ่อนที่ต้องกำจัด เลิกฟุ้งซ่านและเป็นตัวของตัวเองเถอะ ‘จะคิดมากไปเลย อีก 100 ปีก็ตายกันหมดทุกคนอยู่แล้ว’