#ReadersGarden เล่มที่ 23
ขอแนะนำคัมภีร์สู่การเริ่มต้นรักตัวเองที่ซิสอ่านมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนตอนนี้ทำงานแล้วก็ยังรู้สึกว่าทุกครั้งที่กลับอ่านจะได้รับพลังงานดีๆ เสมอ นั่นคือ หนังสือผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก หรือชื่อภาษาอังกฤษสุดแซ่บว่า Why Men Loves Bithches ของคุณ Sherry Argov ค่ะ 🙂
เห็นชื่อหนังสือแล้วบางคนอาจจะคิดว่านี่คือตำราหาคู่? วิธีทำตัวยังไงให้ได้ผู้หรือเปล่า? ก็ใช่ส่วนหนึ่งค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ซิสชอบหนังสือเล่มนี้คือ การสอนให้ผู้หญิงอย่างเราหันมารักตัวเอง ให้เกียรติตัวเอง และเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นค่ะ
หนังสือตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งพอกลับมาอ่านในวัยที่เปลี่ยนไป ก็รู้สึกว่ามีบางแนวคิดที่เราไม่เห็นด้วยแล้ว เช่น การวางหมาดและเล่นตัว หรือผู้ชายควรจะต้องทำงานหาเงิน ส่วนผู้หญิงจะทำงานหรือเป็นแม่บ้านก็ได้ ซึ่งในยุคที่เราสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศแบบนี้ การที่คู่รักจะทำงานทั้งคู่ หรือฝ่ายใดจะเลือกเป็นพ่อบ้านหรือแม่บ้าน ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างคู่รัก ไม่เกี่ยวกับเพศแล้ว
อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้คือ การทำให้ผู้อ่านให้เกียรติตัวเอง อย่าหลงใหลในความรักจนตาบอดและหลงลืมที่จะรักตัวเองค่ะ โดยซิสขอแบ่งปัน 9 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือผู้หญิงร้าย ผู้ชายรักดังนี้ค่ะ
- 1. ศักดิ์ศรีมาก่อนผู้ชาย
- 2. สาวร้ายพึ่งพาตัวเองได้และมีอิสระภาพ
- 3. ทำให้เขารู้สึกว่าคุณเลือกที่จะอยู่กับเขา ไม่ใช่ว่าขาดเขาแล้วคุณอยู่ไม่ได้ เขาจีงจะมองคุณอย่างเท่าเทียม
- 4. ความรักตัวเองสะท้อนมาจากการดูแลรูปลักษณ์ภายนอก
- 5. สาวร้ายวางตัวเองไว้สูงส่ง แต่ไม่ใช่เหย่อหยิ่ง
- 6. สาวร้ายสามารถบริหารเวลาของตัวเองได้
- 7. เมื่อคุณเริ่มบ่น คุณจะกลายเป็นตัวปัญหา ผู้ชายจะเบือนหน้าหนี แต่ถ้าคุณเริ่มเงียบ เขาจะรีบแก้ปัญหาทันที
- 8. ผู้หญิงที่ทำตัวเก่งไปซะทุกเรื่อง ก็จะเจอปัญหาไปซะทุกเรื่องเช่นเดียวกัน
- 9. ผู้หญิงที่ตอบว่า “ได้ค่ะ” ทุกอย่าง บ่งบอกว่าเธอเชื่อในตัวคนอื่นมากกว่าตัวเอง เขาจะมองว่านั่นคือความอ่อนแอ ไม่ใช่อ่อนโยน
1. ศักดิ์ศรีมาก่อนผู้ชาย
นิยามของ ‘สาวร้าย’ ไม่ได้หมายถึงนางร้ายแบบในละคร ไม่ใช่ผู้หญิงเกรี้ยวกราด เอาแต่ใจ โวยวายเสียงดัง แต่หมายถึงคนที่พูดจาสุภาพ ตรงไปตรงมา กล้าที่จะพูดความต้องการของตัวเองตรงๆ จึงทำให้ผู้ชายไม่รู้สึกสับสนและงงงวยกับพฤติกรรมของแฟนสาว
สาวร้ายยังคงเป็นตัวของตัวเองเสมอ เธอไม่ละทิ้งหน้าที่การงาน เพื่อนฝูง หรืองานอดิเรกเพียงเพราะอยากทุ่มเวลาทั้งหมดให้คนรัก หากมีเรื่องที่เธอรับไม่ได้หรือรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ให้เกียรติ เธอจะพูดกับเขาตรงๆ หากต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีกับผู้ชาย สำหรับสาวร้ายศักดิ์ศรีต้องมาก่อน
2. สาวร้ายพึ่งพาตัวเองได้และมีอิสระภาพ
มันไม่สำคัญว่าสาวร้ายจะทำงานอะไร ตำแหน่งอะไร หรือมีรายได้เท่าไหร่ แต่เธอคือคนที่ทำมาหากินสุจริตและเลี้ยงดูตัวเองได้
งาน = เงิน = เลี้ยงตัวเองได้= เลือกได้ว่าจะให้คนอื่นปฏิบัติตัวกับคุณอย่างไร = มีศักดิ์ศรี
จากที่ฟังรายการพุธทอล์คพุธโทรมาหลายปีทำให้ซิสเรียนรู้ว่า ต่อให้คุณโชคดีได้เจอกับคนรักที่เต็มใจเลี้ยงดูคุณ ก็อย่าหลงระเริงกับความสบายจนเลิกพึ่งพาตัวเองนะ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มยืมจมูกคนอื่นหายใจ คุณจะขาดอิสรภาพและอาจจะกลายเป็นภาระของเขาแทน หรือสักวันอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันจนทำให้คู่รักของคุณไม่สามารถเลี้ยงดูคุณและครอบครัวได้ ดังนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ อย่างน้อยก็ควรพึ่งพาตัวเองให้ได้
3. ทำให้เขารู้สึกว่าคุณเลือกที่จะอยู่กับเขา ไม่ใช่ว่าขาดเขาแล้วคุณอยู่ไม่ได้ เขาจีงจะมองคุณอย่างเท่าเทียม
เว้นพื้นที่ว่างให้คนรักได้พักหายใจบ้าง อย่าเกาะติด ตามเช็คมือถือหรือจีพีเอสรถตลอดเวลา จนเขารู้สึกว่าคุณหมดหนทางไป การที่คุณให้อิสระคนรักจะทำให้เขารู้สึกว่าคุณเลือกที่จะอยู่กับเขาเอง แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเขาก็ได้ นั่นจะทำให้คุณยังคงเป็นสิ่งท้าทายอยู่เสมอ
แทนที่เขาจะรู้สึกว่าถูกริดลอนอิสรภาพ เขากลับรู้สึกว่าได้ผู้หญิงแกร่งมาสนับสนุนกัน ไม่ใช่ภาระที่เขาต้องโอบอุ้ม
4. ความรักตัวเองสะท้อนมาจากการดูแลรูปลักษณ์ภายนอก
สาวร้ายดูแลตัวเองอย่างดีทั้งรูปลักษณ์ภายนอก สุขภาพกายและสุขภาพใจ ไม่ใช่เพราะพวกเธอสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่เพราะว่ารักตัวเองและอยากให้ตัวเองอยู่ในเวอร์ชันที่ดีที่สุดเสมอ
เมื่อคุณรักตัวเองอย่างแท้จริง มันจะสะท้อนออกมาผ่านรูปลักษณ์ภายนอก บุคลิกภาพ เสื้อผ้าหน้าผม รวมถึงรอยยิ้มและแววตา
5. สาวร้ายวางตัวเองไว้สูงส่ง แต่ไม่ใช่เหย่อหยิ่ง
เมื่อมีคนกล่าวชม จงยิ้มและกล่าวขอบคุณอย่างชัดถ้อยชัดคำ จะปฏิเสธทำไมให้เขาหมั่นไส้ล่ะ นอกจากนี้สาวร้ายจะไม่เปรียบเทียบตัวเองหรือแข่งขันกับคนอื่น แต่จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ นั่นทำให้เธอไม่ค่อยหึงหวงผู้ชายและทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
6. สาวร้ายสามารถบริหารเวลาของตัวเองได้
สาวร้ายจะไม่ก้าวตามจังหวะของเขาหรือคนอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเขารีบร้อน เธอจะยังคงก้าวตามจังหวะของตัวเอง เพราะเธอวางแผนมาอย่างดีและรู้ตัวว่าจะต้องทำอะไรต่อไป อย่าเดินตามจังหวะของเขา นั่นจะป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาบงการชีวิตของคุณได้ เช่น หากผู้ชายขอนัดกะทันหันโดยไม่มีเหตุจำเป็น สาวแสนดีจะยอมทิ้งตารางทุกอย่างเพื่อไปตามนัดเขา แต่สาวร้ายจะไม่ยอมทิ้งแผนที่วางไว้ แต่จะเลือกนัดวันเวลาที่สะดวกเท่านั้น
7. เมื่อคุณเริ่มบ่น คุณจะกลายเป็นตัวปัญหา ผู้ชายจะเบือนหน้าหนี แต่ถ้าคุณเริ่มเงียบ เขาจะรีบแก้ปัญหาทันที
เมื่อคุณเริ่มบ่น ผู้ชายจะคิดว่าคุณคือตัวปัญหา แน่นอนว่าวิธีคิดและรับมือของแต่ละคู่ย่อมไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณบ่นไปแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น ก็ลองเงียบดูบ้าง เมื่อนั้นเขาถึงจะรู้สึกถึงความผิดปกติและเริ่มร้อนลนที่จะแก้ไขปัญหานั้นทันที
ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาคลาสสิกของคู่รักที่อาศัยอยู่ด้วยกันคือ งานบ้าน หากคนรักของคุณไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานบ้าน บ่นแล้ว พูดดีๆ ก็แล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ให้ลองเงียบแทนและหยุดทำงานบ้านให้เขา คนรักที่ดีจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติและหันมาแก้ปัญหานั้นทันที แต่ถ้าเขายังนิ่งเฉย ก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีอื่นๆ ของเขากับปัญหาที่คุณเจออยู่แล้วว่ามันคุ้มค่าที่จะอยู่ด้วยกันต่อไปมั้ย
8. ผู้หญิงที่ทำตัวเก่งไปซะทุกเรื่อง ก็จะเจอปัญหาไปซะทุกเรื่องเช่นเดียวกัน
ช่วงเวลาเริ่มคบกันใหม่ๆ คือช่วงเวลาสำคัญที่คุณจะกำหนดมาตรฐานของตัวเอง ถ้าคุณไม่อยากทำงานอะไรไปตลอด ก็อย่าเริ่มทำสิ่งนั้นตั้งแต่เริ่มคบกันเพียงเพราะเป็นช่วงเวลาโปรโมชั่น เช่น ถ้าคุณไม่อยากเข้าครัวทำอาหารทุกเย็น ก็อย่าเริ่มเข้าครัวทำอาหารให้เขาทานทุกครั้งตั้งแต่คบกันใหม่ๆ หรือถ้าคุณไม่อยากจ่ายตลาดคนเดียวไปตลอด 365 วันต่อปี ก็อย่าเริ่มแกร่งกล้าคว้ารถเข็น อาสาออกไปซื้อของเอง เพราะเมื่อคุณเริ่มทำตั้งแต่คบกันใหม่ๆ แล้ว เขาก็จะคาดหวังว่าคุณจะทำสิ่งนั้นไปตลอดเวลาที่คบกัน
ลองมองกลับกัน หากฝ่ายชายทำบางอย่างให้คุณตั้งแต่คบกันใหม่ๆ คุณก็คงคาดหวังให้เขาทำมันไปตลอดเช่นกัน เช่น หากเขาขับรถมารับส่งคุณทุกครั้งตอนคบกันใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเลิกทำ คุณก็อาจจะรู้สึกแย่ที่เขาเปลี่ยนไป
9. ผู้หญิงที่ตอบว่า “ได้ค่ะ” ทุกอย่าง บ่งบอกว่าเธอเชื่อในตัวคนอื่นมากกว่าตัวเอง เขาจะมองว่านั่นคือความอ่อนแอ ไม่ใช่อ่อนโยน
จงเป็น “ผู้กำกับ” ของชีวิตตัวเอง คุณสามารถขอคำแนะนำหรือข้อมูลจากคนอื่นได้ แต่สุดท้ายคุณจะต้องเลือกสรรด้วยตัวเองว่าจะเชื่ออะไร ใช้ชีวิตยังไง หรือจุดหมายปลายทางคือที่ไหน
หากคุณอยากจะเป็นคู่คิดของอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่คนใต้บังคับบัญชาที่ทำตามคำสั่ง ก็ต้องกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกออกมาตรงๆ ถึงจะเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องใช้เหตุผลมาพูดคุยกัน
เป็นยังไงกันบ้างคะกับข้อคิดดีๆ จากหนังสือผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก ทุกครั้งที่ซิสอ่านหนังสือเล่มนี้จบ รู้สึกดีต่อใจมากและอยากทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเองมากขึ้นอีกค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ ก็จะได้รับกำลังใจแบบเดียวกันนะคะ