หลังจากปวดหลังอย่างรุนแรงจากการนั่งเครื่องบินเบาะแข็งๆ จากกรุงเทพฯ สู่ฮ่องกง อาการนั้นก็เล่นงานต่อเนื่องจนทำให้การเดินเที่ยวทั้งทริปของซิสไม่สนุกเท่าที่ควร แต่พอได้มานั่ง เรือเฟอร์รี่จากฮ่องกงไปมาเก๊า ที่เบาะนุ่มสบาย ก็รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์น้อยๆ เลยค่ะ
ทริปฮ่องกง-มาเก๊า 3 วันนี้ ซิสเริ่มต้นจากแวะเช็กอินสวนสนุก Ocean Park ไปปีนเขาที่ Dragon’s Back ฮ่องกง ก่อนจะปิดท้ายความสนุกด้วยการข้ามน้ำข้ามทะเลไปมาเก๊าด้วยเรือเฟอร์รี่ เลยอยากมีเล่าความประทับใจกับการเดินทางด้วยเรือ เผื่อเพื่อนๆ ที่อาจจะกังวลกับการเดินทางทางทะเลอยู่
ซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ยังไงดี?
เรือเฟอร์รี่ที่วิ่งระหว่างฮ่องกงกับมาเก๊ามีให้เลือก 2 ค่ายค่ะ
- Cotai Water Jet (เรือสีน้ำเงิน)
- TurboJet (เรือสีแดง)
ซิสเลือก TurboJet เพราะมีรอบเรือมากกว่า ออกเรือทุก 30 นาที ตั้งแต่ 7.30 – 23.00 น. โดยซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่าน Klook ราคาดี จองง่าย โดยจะได้รับตั๋ว QR Code ผ่านอีเมลค่ะ ราคาชั้นประหยัดอยู่ที่ประมาณ 760 บาท ส่วนชั้นซูเปอร์จะอยู่ที่ 1,600 บาท ซึ่งตั๋วซูเปอร์จะมีบริการเสริม เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และที่นั่งที่กว้างกว่า
จองบัตรโดยสารเรือเฟอร์รีฮ่องกง-มาเก๊า
จุดเริ่มต้น: ท่าเรือฮ่องกง
ท่าเรือฮ่องกง-มาเก๊า ตั้งอยู่ที่สถานี MTR Sheung Wan เดินออกมาจากสถานีก็เจอป้ายบอกทางเข้าสู่ท่าเรือที่เชื่อมต่อกับห้างเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงทางเลย
ซิสจองตั๋วเรือรอบ 9.30 น. ด้วยความตื่นเต้นและไม่รู้ว่าขั้นตอนผ่านตม.ขาออกและขึ้นเรือจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เลยเดินทางมาถึงท่าเรือตั้งแต่เวลา 8 โมงนิดๆ มีเวลาให้ได้กินข้าวเช้าที่ห้างนั้น แล้วพอได้เห็นคิวรอซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ที่หน้างาน ก็รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่จองตั๋วล่วงหน้าค่ะ
ขั้นตอนขึ้นเรือรวดเร็วกว่าที่คิดไว้ เพียงแสดงตั๋ว QR Code เราจะได้ตั๋วกระดาษมา จากนั้นแสดงพาสปอร์ตเพื่อผ่านจุดตรวจตม.ขาออก ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที การจัดการที่นี่มีระบบระเบียบดีมาก แต่เพื่อความสบายใจ แนะนำให้เผื่อเวลามาก่อนเรือออกอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันความล่าช้าหากมีผู้โดยสารจำนวนมากค่ะ
สำหรับที่นั่งบนเรือ เจ้าหน้าที่จะติดสติ๊กเกอร์บอกหมายเลขที่นั่งไว้ที่ตั๋วกระดาษของเราค่ะ ซึ่งถ้าเรือรอบก่อนหน้าเรายังมีที่ว่างอยู่ เจ้าหน้าที่จะเรียกให้เราไปขึ้นเรือได้เลย จะได้ไม่ต้องรอเรือรอบถัดไป
บรรยากาศบนเรือ TurboJet
ภายในเรือเฟอร์รี่ของ TurboJet มีขนาดใหญ่ สะอาด ที่นั่งจัดเรียงแบบ 3-4-3 ทันทีที่หย่อนตัวนั่งลงบนเบาะ รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์เลยค่ะ เบาะกว้าง นุ่มสบาย ยืดเหยียดขาได้ และปรับเบาะเอนได้แบบไม่ต้องเกรงใจคนข้างหลัง มีช่องเก็บกระเป๋าเดินทางข้างบนที่นั่ง
เรือไม่โคลงเคลง คิดว่าคนที่เมาเรือง่ายก็สามารถนั่งได้ค่ะ ส่วนวิวข้างนอกเป็นทะเลเปิดสุดลูกหูลูกตา เสียดายอยู่นิดหน่อยตรงที่กระจกเรือมีสติกเกอร์ติดไว้ ทำให้มองวิวได้ไม่เต็มตา แต่ก็อาจจะเป็นข้อดีสำหรับคนที่กลัวทะเลแบบซิส ความไม่ชัดเจนทำให้มันดูน่ากลัวน้อยลงหน่อย
เป็นหนึ่งชั่วโมงที่นั่งเพลิน หลับสบาย จนอยากนั่งเรือเฟอร์รี่ลำนี้กลับประเทศไทยเลย
ท่าเรือมาเก๊า: สัมผัสแรกที่เปลี่ยนบรรยากาศ
เมื่อมาถึงท่าเรือที่มาเก๊า บรรยากาศจะแตกต่างจากฝั่งฮ่องกงอย่างเห็นได้ชัด ป้ายบอกทางส่วนใหญ่เป็นภาษาจีนและโปรตุเกส ซึ่งสะท้อนถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของมาเก๊า
ขั้นตอนผ่านด่านตม.ที่มาเก๊าใช้เวลาประมาณ 30 นาที เนื่องจากผู้โดยสารจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจแต่ละคนค่อนข้างนาน มีชาวต่างชาติหลายคนที่ถูกเรียกแยกออกไป ทำเอาซิสหวาดเสียวไม่น้อย แต่พอถึงคิวเราก็ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีค่ะ อ้าว
จองบัตรโดยสารเรือเฟอร์รีฮ่องกง-มาเก๊า
สรุปการนั่งเรือเฟอร์รี่จากฮ่องกงไปมาเก๊าไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสไปฮ่องกงหรือมาเก๊า แนะนำการเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่เลยค่ะ