หนังสือเมื่อแมวบ้านคุณผันตัวมาเป็นไลฟ์โค้ช (How to Live Like Your Cat)

สรุปหนังสือเมื่อแมวที่บ้านคุณผันตัวมาเป็นไลฟ์โค้ช : 4 วิธีใช้ชีวิตเบาสบายแบบแมวๆ

1 Shares
0
0
1
0
0

#ReadersGarden เล่มที่ 73

Stéphane Garnier กับไลฟ์โค้ชขนฟูของเขา (image credit: JDBN)

เชิญพบกับไลฟ์โค้ชขนฟูหน้ามู้ทู้ ผู้เอาแต่ใจ รักอิสระและมี 3 อุ้งเท้า ซิกโก้ 🐈‍⬛ที่จะมาแนะนำ 40 วิถีชีวิตแบบแมวๆ ให้มนุษย์อย่างเราได้ใช้ชีวิตง่าย เบาสบายและมีความสุขมากขึ้นในหนังสือเมื่อแมวบ้านคุณผันตัวมาเป็นไลฟ์โค้ช (How to Live Like Your Cat) เล่มนี้ แปลภาษาแมวโดยสเตฟาน การ์นิเยร์ (Stéphane Garnier) นักเขียนชาวฝรั่งเศส ผู้รับใช้ของซิกโก้มากว่า 15 ปี

ขอสรุปคำแนะนำจากไลฟ์โค้ชซิกโก้และคุณสเตฟานเป็น 4 หัวข้อดังนี้

ยอมรับและรักตัวเองในแบบที่เป็นเหมือนแมว

บางครั้งการไม่พอใจในตัวเองก็เป็นแรงผลักดันให้มนุษย์เราพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แต่บางครั้งมันบั่นทอนจิตใจและผลักให้เราจมลงสู่ความทุกข์ ขาดความมั่นใจและไม่รักตัวเอง แต่ไม่ใช่กับแมว

🐱ความรักและมั่นใจในตัวเอง: แมวแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่สิ่งที่พวกมันมีเหมือนกันคือรักตัวเอง ความรักตัวเองของแมวแสดงออกมาผ่านท่าทางมั่นใจและทำตามใจตัวเอง ไม่สนว่าใครจะเกลียดเพราะยังไงซะพวกมันก็รักตัวเอง สิ่งนี้ไม่ใช่การหลงตัวเอง แต่เป็นความภาคภูมิใจและมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น 

🐱การแสดงจุดยืน: แมวยังกล้าที่จะแสดงจุดยืน ปฏิเสธอาหารที่พวกมันไม่ชอบ เดินหนีเวลาที่ไม่อยากเล่นด้วย ในขณะที่บางคนไม่กล้าแสดงจุดยืนอาจเพราะขี้อายหรือขาดความมั่นใจ คิดว่าคนอื่นมีสติปัญญาเหนือกว่าจนด้อยค่าตัวเอง หากเป็นแบบนั้น จงเรียนรู้เรื่องความมั่นใจและกล้าที่จะแสดงจุดยืนแบบแมว ไม่จำเป็นต้องแสดงออกโดยการเดินหนีแบบแมวเสมอไป เราแสดงจุดยืนผ่านศิลปะทางการพูดได้ 

🐱กล้าขอความช่วยเหลือ: แม้แมวจะภูมิใจและมั่นใจในตัวเอง แต่พวกมันไม่หยิ่งทะนง มันกล้าร้องขอในสิ่งที่ต้องการทุกครั้ง เดินมาปลุกคุณทุกเช้าเพื่อให้คุณให้อาหาร ร้องเหมียวโวยวายเวลามีอะไรแปลกไป ซึ่งนี่ต่างจากการเห็นแก่หรือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เพราะพวกแมวจะไม่ได้มารบกวนคุณหรือร้องโวยวายแบบพร่ำเพรื่อ ทุกครั้งย่อมมีเหตุผลดีๆ เสมอ

สำหรับมนุษย์บางคนอาจพบว่าการขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ยาก อาจเพราะศักดิ์ศรีหรือเกรงใจ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อคุณเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ จะพบว่ามีบางคนที่ยินดีช่วยอย่างเต็มใจและรู้สึกดีด้วยซ้ำที่พวกเขามีคุณค่ากับคุณ

🐱การปรับตัวได้ง่ายและรวดเร็ว: ความรักตัวเองของแมวยังส่งผลให้พวกมันปรับตัวได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น เจ้าซิกกี้ ไลฟ์โค้ชของเล่มนี้ที่เสียอุ้งเท้าหน้า 1 ข้างจากอุบัติเหตุ แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากถอดผ้าพันแผล ซิกกี้ก็ใช้ชีวิตตามปกติ มันยังคงตามเกี้ยวพาราสีแมวสาวและมีแมวมาหลงรักซิกกี้โดยไม่สนใจอุ้งเท้าที่หายไปเลย มันยังคงขับไล่แมวหนุ่มตัวอื่นออกไปจากอาณาเขตได้ แต่เปลี่ยนจากวิ่งไล่เป็นการล่อให้แมวตัวอื่นเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะยืนสองขาเหมือนกระต่ายและใช้อุ้งมือซ้ายที่เหลืออยู่ตะปบหน้าอีกฝ่ายจนหนีเตลิดไป 

เราคงไม่มีทางรู้ว่าซิกกี้รู้สึกอย่างไรที่เสียอุ้งเท้าไปและไม่สามารถขยับได้ตามเดิม แต่จะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้มันหยุดใช้ชีวิตสนุกสนานและเป็นอิสระ

เสน่ห์อันน่าหลงใหลแบบแมว

แมวล้วนงดงามและมีเสน่ห์โดยธรรมชาติตั้งแต่เกิดจนตาย พวกมันมักจะนิ่งเงียบ สุขุม เยื้องย่างช้าๆ หน้าเชิดหลังตรงสง่างาม บิดขี้เกียจเบาๆ ทุกอย่างที่เป็นแมวล้วนดึงดูดความสนใจให้พวกเราหันไปมองด้วยความรัก สามารถจ้องได้ทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ

เสน่ห์ของแมวสืบเนื่องมาจากข้อแรกคือ ความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง แมวทำสิ่งที่อยากทำ จู่ๆ อยากอ้อนก็อ้อนจนทาสใจละลาย ถ้าไม่อยากเล่นด้วยก็เดินหนี ให้ความสำคัญกับความสุขของตัวเองมาก่อนคนอื่น ย้ำอีกครั้งว่านี่แตกต่างจากความเห็นแก่ตัว เพราะหลายครั้งแมวเองก็ยอมอ่อนข้อให้ทาสแมว มาเอาอกเอาใจ เอาตัวถูไถปลอบโยนเวลาเราเศร้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแมวเองก็รักและใส่ใจเจ้าของเช่นกัน

หากต้องการสร้างเสน่ห์แบบแมว จงเป็นตัวของตัวเอง ไม่โกหกปิดบังหรือพยายามเอาอกเอาใจคนอื่นจนสูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่โอ้อวดตัวเอง คนที่มีเสน่ห์ดึงดูดมักจะแฝงไปด้วยความสุขุม จริงใจ ไม่เติมแต่ง 

“คุณงดงามเพราะสิ่งที่คุณเป็นและสิ่งที่คุณปรับเปลี่ยนได้ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่คนอื่นแสดงหรือกำหนดไว้ การรู้จักเสน่ห์ของตัวเองต่างหากที่สำคัญ”

ความฉลาดปราดเปรื่องแบบแมว

มนุษย์ใช้เวลาเพื่อสั่งสมปัญญาจากการศึกษาและประสบการณ์ แต่พวกแมวไม่เคยไปโรงเรียน ไม่ได้อ่านหนังสือ ไม่มีนักคิดผู้ยิ่งใหญ่เป็นต้นแบบและไม่ได้มีอายุยืนยาวหรือมีประสบการณ์จากโลกภายนอกมากมายเมื่อเทียบกับมนุษย์ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก

หนึ่งในนั้นคือความฉลาดทางอารมณ์ แมวไวต่ออารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของมาก เวลาที่เรามีเรื่องทุกข์ใจ พวกมันจะคอยปลอบโยนด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป เช่น ออดอ้อนมากกว่าปกติ หรือแค่นั่งจ้องมองเข้ามาในดวงตาเราและอยู่ข้างๆ จนกว่าเราจะรู้สึกดีขึ้น

ลักษณะหนึ่งที่ทำให้แมวฉลาดคือ พวกมันเป็นสัตว์ช่างสังเกตและขี้สงสัยโดยธรรมชาติ ชอบออกสำรวจดมตรวจตราพื้นที่ที่มันอยู่อย่างละเอียด เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมโผล่ขึ้นมาในพื้นที่ที่คุ้นเคย มันจะจ้องแบบไม่ละสายตาด้วยความระมัดระวัง ไม่ได้ผลีผลามกระโจนใส่แบบสุนัข เรื่องนี้ทำให้ซิสนึกถึงวิดีโอที่พ่อแม่พาลูกทารกเข้าบ้านเป็นครั้งแรก พวกเขาเลี้ยงสุนัข 3 ตัวกับแมว 2 ตัว พวกสุนัขเมื่อเห็นทารกน้อยต่างตื่นเต้นก็วิ่งเข้าไปดมอย่างใกล้ชิด (โดยพ่อแม่พยายามกั้นไม่ให้น้องหมาเข้าใกล้ลูกน้อยจนเกินไป) ส่วนพวกแมวดูงุนงงสับสนอย่างเห็นได้ชัด พวกมันวนเวียนรอบๆ ทารกโดยรักษาระยะห่างไกลๆ (ไกลมากกก) จ้องแบบไม่ละสายตาสลับกับหันหน้ามามองทาสแมวว่า “สิ่งนี้คืออะไร?” ผ่านไปทีละวัน ถึงค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ 

แมวเป็นนักสำรวจอยู่ตลอดเวลา ทุกวันของแมวคือโอกาสในการค้นพบสิ่งใหม่ มนุษย์เองก็เช่นกัน เราสามารถขยายขอบเขตความเป็นไปได้ของชีวิตด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน การสงสัย 1 ครั้งใน 1 วัน เท่ากับว่าคุณจะได้ความรู้ใหม่ 365 เรื่องใน 1 ปี 

ไม่จำเป็นต้องเป็นความรู้หรือความสงสัยที่ยิ่งใหญ่ อาจเรียนคำศัพท์ใหม่วันละคำ ตั้งคำถามเรียบง่ายวันละข้อ หรือเรียนรู้เรื่องใหม่จากคนรอบข้างวันละอย่าง ความรู้เล็กๆ ที่สั่งสมไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด

ใช้ชีวิตอิสระและสนุกสนานดั่งเช่นแมว

สิ่งหนึ่งที่มนุษย์เราอดอิจฉาแมวไม่ได้คือ การมีอิสระทำตามใจตัวเอง ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่าย ชื่อเสียงในสังคม การพัฒนาตัวเอง การทำตามมาตรฐานสังคม หรือเหนื่อยกับการพยายามโดดเด่นแต่ก็ไม่แปลกแยก

ไม่ว่าจะแมวบ้านหรือแมวจรต่างก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทำสิ่งที่อยากทำ ไปในที่ๆ อยากไป เล่นสนุกแบบที่ตัวเองต้องการ

แม้พวกเราจะไม่สามารถกินนอนอุตุตามใจอยากได้เหมือนแมว เพราะยังมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองให้อยู่รอดในสังคมอยู่ แต่เราก็มีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีความหมายได้ บางคนอาจมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่สามารถเลือกทุกอย่างได้พร้อมกัน แต่ย่อมมีบางเรื่องที่คุณเลือกได้อย่างแน่นอน เช่น เลือกทะนุถนอมความสัมพันธ์ที่ดี เลือกตัดขาดความสัมพันธ์เป็นพิษ เลือกทำงานที่เติมเต็มชีวิต เลือกทำกิจกรรมสนุกๆ ในยามว่าง เลือกปฏิเสธคนที่ไม่เคยตอบรับคำขอของคุณ หรือเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย เป็นต้น

ซื้อหนังสือ: นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya

เมื่อไหร่ที่รู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิต ลองหยุดพักผ่อนกับไลฟ์โค้ชขนฟูของคุณสักวัน “แล้วมันจะผ่านไป” ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย มันจะผ่านไปเองสักวัน 🐈‍⬛



1 Shares
You May Also Like
รีวิวหนังสือสวรรค์ประทานพร

รีวิวหนังสือสวรรค์ประทานพร : เทพตกอับกับราชาผีคลั่งรัก

'องค์ไท่จื่อเซี่ยเหลียน' ลูกรักของสวรรค์กลับตกอับจนถูกเรียกว่าเทพขยะ แต่ทำไม 'ราชาผีฮวาเฉิง' ผู้ยิ่งใหญ่ถึงมาตามติดเขาต้อยๆ ได้ล่ะเนี่ย

สรุปหนังสือเจ้าชายน้อย: 4 ข้อคิดจากเด็กน้อยที่ผู้ใหญ่คนนี้เคยเป็น

วรรณกรรมอมตะสำหรับผู้ใหญ่ทุกคนที่หวนคิดถึงตัวตนในวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ความกล้าหาญ ความฝัน และความเชื่อว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง
สรุปหนังสือผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก

สรุปหนังสือผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก : คัมภีร์แห่งการรักตัวเอง

รวม 9 ข้อคิดดีๆ จากหนังสือผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก 💋 ที่จะทำให้คุณหันมาให้เกียรติตัวเองในช่วงเวลาที่หลงรักคนอื่นจนหลงลืมที่จะรักตัวเอง
สรุปหนังสือ ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย

สรุปหนังสือ The Asshole Survival Guide : ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย

คู่มือรับมือคนเฮงซวยที่ช่วยให้เรารักษาชีวิตอันแสนสงบสุขด้วยการตัด “ปัญหาคนเฮงซวย” ทั้งแบบชั่วคราวและเรื้อรังอย่างฉลาดและบาดเจ็บน้อยที่สุด
สรุปหนังสือชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ (Four Thousand Weeks)

สรุปหนังสือชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ : 4 ข้อคิดในการบริหารเวลาชีวิต

"เพราะเราไม่ได้มีเวลา แต่เราคือเวลา" เมื่อเวลามีจำกัด แต่เรายังมีสิ่งมากมายบนโลกที่อยากทำ เราจะบริหารเวลาอย่างไรเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
สรุปหนังสือถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่

สรุปหนังสือถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่ : 3 วิธีดับความหัวร้อน

อย่าสิ้นเปลืองเวลาและพลังงานไปกับการสู้กับคนโง่เลย เพราะเป้าหมายสำคัญกว่าความสะใจเพียงชั่วคราว มาดูวิธีดับความหัวร้อนจากเล่มนี้กัน