#ReadersGarden no.95
“คุณอาจคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่ไม่ต้องพยายาม เป็นธรรมชาติ และเติบโตขึ้นเอง คุณตกหลุมรัก ไม่ได้คิดหาทางให้มีความรักเสียหน่อย มันเป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่ใช่การตัดสินใจที่พิจารณาไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ”
เราอยากตกหลุมรักและสานสัมพันธ์กับคู่ชีวิตในฝันอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเรื่องราวรักโรแมนติกในหนังเรื่องโปรด แต่หากว่าชีวิตจริงง่ายแบบนั้น แอปหาคู่คงไม่ได้เกิด แล้วเราก็คงไม่ได้ซื้อหนังสือ How to Not Die Alone ทำอย่างไรไม่ให้ตายอย่างโดดเดี่ยว เล่มนี้มาอ่านหรอก เผลอๆ ไม่มีหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ
หากเพื่อนๆ กำลังมองหาคู่ชีวิตในฝัน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ขอแนะนำเล่มนี้อย่างแรง 🌟 ผู้เขียนคือ โลแกน อูรี (Logan Ury) ซึ่งเคยเป็นนักวิจัยของบริษัท Google ฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ เธอถนัดด้านความสัมพันธ์เชิงโรแมนซ์เป็นพิเศษ ปัจจุบันเธอเป็นผู้อำนวยการศาสตร์ความสัมพันธ์ของ Hinge แอปหาคู่ชื่อดังในอเมริกาค่ะ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเดตที่ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์จนเพื่อนๆ และลูกค้าของเธอได้เข้าประตูวิวาห์กับคู่ครองในฝันมานับต่อนับ
คำแนะนำด้านการหาคู่ การเดตและสานสัมพันธ์ภายในเล่มนี้มาจากหลักพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา มีข้อมูลอ้างอิงน่าเชื่อถือ รวมถึงมีกรณีศึกษามากมายจากบรรดาลูกค้าของโลแกนและกรณีศึกษาของเธอด้วย
ยุคที่เรามีตัวเลือกมากเกินไป
เพื่อนๆ รู้สึกเหมือนกันมั้ยคะว่าทำไมการหาคู่ชีวิตสมัยนี้ยากเหลือเกิน? ทั้งที่เรามีโอกาสได้พบเจอผู้คนมากมาย เจอสังคมหลากหลายกว่าสมัยก่อนมาก แต่กลับไม่เจอใครสักคนที่จะเดินจูงมือเข้าประตูวิวาห์
โลแกนยืนยันความเชื่อของเราว่าสมัยนี้หาคู่ยากกว่าสมัยก่อนจริงค่ะ เพราะมีตัวเลือกมากเกินไปเนี่ยแหละ! ด้านมืดของอิสระและตัวเลือกมากมายไม่รู้จบ คือความกลัวจับจิตจับใจว่าเราจะกลายเป็นผู้ทำลายความสุขของตัวเอง ถ้าเราเป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด เราเองนี่แหละที่จะต้องรับผิดชอบ
ว้าว! แค่เริ่มต้นก็ทำให้เราเหมือนตื่นจากภวังค์ เราคิดเสมอว่าเราโชคดีที่เกิดในยุคสมัยที่มีอิสระในการเลือกมากกว่าสมัยก่อน มีอิสระเดินทางได้ทั่วโลก อิสระในการเลือกงานที่ไม่ใช่แค่ทำอาชีพตามบรรพบุรุษ อิสระในการหาความรู้และความบันเทิงผ่านโลกออนไลน์ อิสระในการเลือกคู่ครองหรือจะเลือกอยู่คนเดียวก็ได้
อิสรภาพเป็นสิ่งที่เราโหยหา แต่อิสระในการเลือกของเรานี่แหละที่ฉุดรั้งเราไว้ไม่ให้เลือกสักที เพราะเรากลัวว่าจะตัดสินใจเลือกผิดพลาดแล้วกลายเป็นผู้ทำลายความสุขของตัวเอง เหมือนที่โลแกนกล่าวไว้เลย
คุณเป็นคนโสดประเภทไหน?
ภายในหนังสือมีแบบฝึกหัดและเช็คลิสต์ให้เราคอยสำรวจนิสัยการเดตของตัวเอง และสำรวจว่าเรากำลังมองหาคู่ครองแบบไหน ควรสานความสัมพันธ์อย่างไร แบบฝึกหัดแรกสุดคือสำรวจนิสัยและทัศนคติการเดตเพื่อดูว่าอะไรที่ทำให้เรายังไม่พบคู่ครองเสียที โดยนิสัยการเดตแบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้ ลองดูว่าคุณเข้าข่ายนิสัยใดมากที่สุด
1. คนช่างฝัน (The Romanticiser)
คนที่อยากพบเนื้อคู่และมีความสุขชั่วนิรันดร์ดั่งเทพนิยาย ที่คุณยังเป็นโสดเพราะเชื่อว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ สโลแกนคือ “ความรักจะเกิดขึ้นเองเมื่อถึงเวลาของมัน”
หากคุณเป็นคนช่างฝัน แสดงว่าคุณมีความคาดหวังเกินจริงกับความรัก เชื่อเรื่องของโชคชะตาและเนื้อคู่ ซึ่งอาจทำให้ปฏิเสธคนดีๆ ที่เข้ามาเพียงเพราะเขาไม่ตรงกับภาพในใจและไม่ได้รู้สึกปิ๊งกันตั้งแต่แรกพบ
คนช่างฝันคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดคือการหาเนื้อคู่ในเจอ ทั้งที่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น การรักษาความรักที่มีต่อกันไว้ต่างหากที่ยากและสำคัญ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องยอมรับและเผชิญหน้ากับอุปสรรคในความสัมพันธ์ เพราะความรักต้องพยายาม ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
2. คนช่างเลือก (Maximiser)
คนที่ชอบหาข้อมูล พิจารณาทุกตัวเลือกที่มีจนกว่าจะมั่นใจว่าคุณได้เจอคนที่ใช่แล้ว ตัดสินใจอย่างระมัดระวังและอยากแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนจะเลือก สโลแกนคือ “ทำไมต้องยอมได้อะไรที่ด้อยกว่าด้วยล่ะ”
หากคุณเป็นคนช่างเลือก แสดงว่าคุณมีความคาดหวังเกินจริงกับคู่รัก คุณหมกหมุ่นกับการตัดสินใจให้ถูก และกังวลว่าหลังจากเลือกไปแล้ว หากมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าเข้ามาล่ะ นั่นทำให้คุณไม่ยอมเลือกสักที หรือพอเลือกแล้วก็ยังไม่พอใจ
โลแกนได้สรุปจากงานวิจัยว่า คนที่ยอมพอใจมักมีความสุขมากกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วความพอใจมาจากความรู้สึกในการตัดสินใจ ไม่ใช่มาจากผลลัพธ์ ดังนั้นหากคุณพิจารณาเลือกอย่างดีแล้ว จงพอใจในสิ่งที่คุณตัดสินใจเถอะ การมองหาตัวเลือกอื่นอย่างไม่รู้จบไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขขึ้น หนำซ้ำกลับสร้างความทุกข์ใจให้อีก
3. คนช่างรีรอ (The Hesitater)
คนที่ยังไม่พร้อมสำหรับความรักเพราะยังไม่ได้อยู่ในเวอร์ชันที่ตัวเองอยากเป็น ตั้งมาตรฐานให้กับตัวเองสูง อยากรู้สึกพร้อมจริงๆ ก่อนจะเริ่มสานสัมพันธ์ สโลแกนคือ “ฉันจะรอจนกว่าตัวเองจะดีพร้อม”
หากคุณเป็นคนช่างรีรอ แสดงว่าคุณมีความคาดหวังเกินจริงกับตัวเอง ซึ่งทำให้คุณพลาดโอกาสพัฒนาทักษะการเดตและสำรวจว่าตัวเองต้องการหาคู่ชีวิตแบบไหน
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และไม่มีใครพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา คุณต้องลงมือทำได้แล้ว กำหนดเดดไลน์หรือเล่าเป้าหมายให้คนรอบข้างฟังเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองลงมือทำ การเดตก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งที่คุณต้องลงสนาม ฝึกฝนและพัฒนา แล้วคุณจะพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ เอง
ออกไปเดตซะ! วิธีหาคู่เดต
แอปหาคู่
โลแกนเคยปัดสกอตต์ทิ้งในแอป Tinder ใครจะไปคิดว่าคนที่เธอปัดทิ้งในวันนั้นจะกลายมาเป็นสามีผู้ทำให้เธอมีความสุขอย่างในทุกวันนี้ โลแกนเจอกับสกอตต์ครั้งแรกในมหาวิทยาลัย หลายปีต่อมาก็บังเอิญเจอกันแถวที่ทำงาน พวกเขาเริ่มต้นสานสัมพันธ์กันในฐานะเพื่อน ก่อนจะเริ่มออกเดตและกลายมาเป็นคู่รักหวานชื่น
หากโลแกนไม่ได้เจอสกอตต์แบบตัวเป็นๆ เธอคงจะไม่มีวันสนใจเขาซึ่งไม่ได้ตรงกับสเป็กของเธอเลย ซึ่งเธอตัดสินเขาผ่านภาพไม่กี่ภาพกับข้อความไม่กี่บรรทัดในแอปหาคู่
แอปหาคู่ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณพบเจอคนโสดที่กำลังมองหาความสัมพันธ์ระยะยาว แต่บางครั้งฟิลเตอร์ในแอปอาจทำให้เราโฟกัสสิ่งที่ไม่สำคัญ เราคิดว่าเรารู้อยู่แล้วว่าต้องการคู่ครองแบบไหน สเป็กแบบไหน สิ่งนั้นอาจทำให้เราพลาดโอกาสเจอคนที่จะทำให้เรามีความสุขในระยะยาว
ดังนั้นเรียนรู้ที่จะปัดให้ฉลาดขึ้น โดยขยายการตั้งค่าให้กว้างขึ้นเพื่อพบเจอผู้คนมากขึ้น ตัดสินคนให้น้อยลง ส่งข้อความทักทายไปซะ (ไม่งั้นคุณจะปัดไปทำไมล่ะถ้าจะไม่คุย) แล้วรีบนัดเดตเพื่อเจอกันตัวเป็นๆ ให้เร็วขึ้น
ออกไปเจอผู้คนตามงานอีเวนต์
เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ แบบตัวเป็นๆ ด้วยการไปงานอีเวนต์ ลองเลือกงานที่คุณจะรู้สึกสนุกและมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คน เช่น นิทรรศการศิลปะ, งานหนังสือ, คลาสเรียนทำอาหาร, คลาสเต้นรำ, งานจิตอาสา, คอนเสิร์ต เป็นต้น
ให้เพื่อนและคนในครอบครัวช่วยเป็นแม่สื่อ
นอกจากตัวเราแล้ว จะมีใครที่เลือกคนดีๆ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราไปได้ดีกว่าเพื่อนและครอบครัวที่รู้จักตัวตนของคุณ นอกจากพวกเขาจะช่วยหาคนดีๆ ให้ ยังเป็นที่ปรึกษา และช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้คุณออกไปเดตได้ด้วย
ติดต่อคนที่คุณรู้จักอยู่แล้ว
คู่เดตของคุณอาจเป็นคนใกล้ตัวที่เห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ หรือเป็นเพื่อนในโซเชียลมีเดียซึ่งครั้งหนึ่งคุณเคยรู้จักผ่านๆ ลองเปิดใจมองเขาหรือเธอในแง่มุมใหม่ๆ ดู ลองพูดคุยทำความรู้จักกันจริงๆ ดูก่อน เหมือนดั่งที่โลแกนได้กลับมาเจอสกอตต์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแค่เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยคนหนึ่งเท่านั้น
ช่างหัวความรู้สึกปิ๊ง แล้วออกไปเดตรอบสอง
หลายคนโดยเฉพาะคนช่างฝันมักจะไม่ไปต่อกับเดตสองเพราะรู้สึกเฉยๆ กับเดตครั้งแรก คุณอาจคิดว่าเมื่อเราไม่ปิ๊งคู่เดตตั้งแต่แรก เราก็คงไม่ปิ๊งเขาแล้ว แต่ที่จริงแล้วความรักสามารถเพิ่มขึ้นได้ตามกาลเวลา เหมือนคู่ของโลแกนกับสกอตต์ที่ก็ไม่ได้ปิ๊งกันตั้งแต่แรก พวกเขาเริ่มสานสัมพันธ์จากการเป็นเพื่อนกัน จนรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอกันและเริ่มออกเดต
ดังนั้นลองเขียนเช็คลิสต์นิสัยอันตราย (Red Flag) ที่คุณรับไม่ได้ในคู่เดต เช่น มีแนวโน้มทำร้ายร่างกาย, พูดจาคุกคาม, มาสายเกิน 1 ชั่วโมงโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เป็นต้น ใช้เช็คลิสต์นี้ในการตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ หากคู่เดตไม่ได้มีพฤติกรรมเข้าข่าย Red Flag ของคุณ เพียงแต่คุณอาจจะยังไม่รู้สึกปิ๊งเขาตั้งแต่แรก ก็ลองไปต่อกับเดตที่สองดูก่อน คุณอาจจะได้เจอแง่มุมใหม่ๆ ที่ทำให้คุณชอบเขามากขึ้นก็ได้
⋆。゚☁︎。⋆。 ゚☾ ゚。⋆
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความรักเท่านั้น อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าส่วนที่ยากที่สุดไม่ใช่การหาคู่ครอง แต่เป็นการรักษาความรักเอาไว้ให้ยั่งยืนค่ะ ภายในหนังสือยังมีพาร์ทที่เล่าถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ วิธีการรักอย่างตั้งใจ สิ่งที่ควรตระหนักก่อนตัดสินใจลงหลักปักฐานหรือแต่งงานกับใครสักคน ซึ่งบทนี้เป็นเหมือนที่ปรึกษาในช่วงเวลาที่คุณได้เจอกับคู่ชีวิตในฝันแล้วค่ะ
หนังสือ How to Not Die Alone เป็นคู่มือการมีความรักด้วยหัวใจอย่างมีสติ ไม่ว่าผลลัพธ์ของความรักจะเป็นอย่างไร คุณจะได้พบเจอคู่ครองในฝันหรือไม่ ความสัมพันธ์จะยั่งยืนหรือเป็นเพียงความสุขชั่วคราว แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณไม่มานั่งเสียดายเวลาที่ไม่ได้ออกไปตามหาคู่ครอง และไม่เสียใจกับการตัดสินใจเลือกในภายหลังค่ะ