#ReadersGarden เล่มที่ 33
“ในวันที่คุณเกลียดการเป็นตัวเอง อยากจะหายตัวไปตลอดกาล มาสร้างประตูเปิดไปสู่ร้านเวทมนตร์ในหัวใจของคุณกันเถอะ สถานที่แห่งนี้จะคอยปลอบโยนคุณอยู่เสมอ” ถ้อยคำอ่อนโยนนี้มาจากเพลง Magic Shop ของวง BTS ซึ่งซิสเชื่อว่าคงจะเป็นเพลงโปรดในใจอาร์มี่หลายๆ คน รวมถึงซิสด้วย แค่ได้ฟังก็ฮีลใจแล้ว
เพลงนี้จองกุก น้องเล็กทองคำของวงแต่งขึ้นให้กับเหล่าอาร์มี่โดยได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (Into The Magic Shop) ทำให้ซิสสงสัยเลยว่าหนังสือเวทมนตร์แบบไหนกัน ถึงทำให้น้องจองกุกแต่งเพลงเพราะๆ แถมความหมายดีแบบนี้ออกมาได้ #จองกุกอ่าน #ซิสอ่านด้วย ☺️
จากเด็กยากไร้สู่นายแพทย์ที่ชุมชนรัก
หนังสือเราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจเป็นอัตชีวประวัติของดร.เจมส์ อาร์. โดตี (James R. Doty, M.D.) ประสาทศัลยแพทย์มือทอง ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการซีแคร์ (CCARE) ศูนย์เพื่อการวิจัยและการศึกษาด้านความเมตตาและความเห็นแก่ผู้อื่นแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ต ปัจจุบันเขาเป็นนายแพทย์ผู้เสียสละเพื่อชุมชนและเป็นที่รักของคนรอบข้าง แต่กว่าเขาจะมีวันนี้ได้
➤ ก่อนหน้านั้นเขาเคยล้มละลายจากวิกฤตการณ์ฟองสบู่แตก
➤ ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เขาเคยเป็นสุลต่านแห่งความว่างเปล่า เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ล้มเหลวในฐานะพ่อและสามี
➤ ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เขาเคยเป็นประสาทศัลยแพทย์มือทองผู้จองหองและไล่ตามความมั่งคั่ง
➤ ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เขาเคยเป็นเด็กหลังห้องที่ไม่สนใจการเรียนแม้แต่น้อย
➤ ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น เขาเคยเป็นเด็กชายผู้ว้าเหว่จากครอบครัวยากไร้และผุพัง
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตที่ทำให้เด็กชายจิม ผู้ไม่เคยสนใจการเรียนผลักดันตัวเองจนกลายเป็นคุณหมอโดตี ที่มีผู้คนนับหน้าถือตาในปัจจุบันได้ มาจากรูธ คุณยายผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่คนหนึ่งในร้านเวทมนตร์กลางทะเลทราย
คุณยายผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่ในร้านเวทมนตร์กลางทะเลทราย
เด็กชายจิม (ชื่อเล่นของคุณหมอโดตี) เติบโตมาในครอบครัวที่ผุพัง พ่อติดเหล้า แม่เป็นซึมเศร้าและอัมพาต พี่ชายเก็บตัวและไม่สุงสิงกับใคร จิมมักจะรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เสมอ เขาเรียนไม่เก่งและไม่คิดจะตั้งใจเรียนด้วยซ้ำ เขามักจะขอไปเล่นบ้านเพื่อนเพราะหวังว่าครอบครัวเพื่อนจะชวนเขากินข้าวด้วย ไม่เช่นนั้นวันนั้นเขาจะไม่ได้กินอิ่มเลย มันน่าเศร้ามากเมื่อคิดว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กคนหนึ่ง
ชีวิตที่ไม่เคยคิดถึงอนาคต แค่เอาตัวรอดไปวันๆ ราวกับว่าจำนนต่อโชคชะตาที่ไม่มีวันเปลี่ยนได้ กลับเปลี่ยนไปในวันหนึ่งของปิดเทอมฤดูร้อน จิมได้พบเจอสถานที่และคนที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล นั่นคือร้านมายากลแคคตัสแรบบิท (Cactus Rabbit Magic Shop) 🌵🐰 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายของเมืองแลงแคสเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาที่จิมอาศัยอยู่
หญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังเฝ้าร้าน เธอมีนามว่า รูธ เป็นคุณแม่ของนักมายากลเจ้าของร้านแห่งนี้ รูธถูกชะตากับจิมตั้งแต่แรกพบ อาจเพราะเด็กชายผู้หลงใหลในมายากลคนนี้มีส่วนคล้ายกับลูกชายของเธอ นั่นทำให้เธอเสนอตัวสอนกลวิเศษที่จะเปลี่ยนชีวิตจิมไปตลอดกาล
“ฉันจะอยู่ในเมืองนี้แค่หกอาทิตย์ หากเธอยอมมาเจอฉันทุกวันตลอดหกอาทิตย์นี้ ฉันจะสอนกลบางอย่างให้ กลที่เสกสิ่งที่เธอต้องการให้เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ด้วยกลอุบาย” เมื่อจิมถามถึงเหตุผลว่าทำไมคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกอย่างเธอถึงอยากจะช่วยเขา “เพราะฉันรู้ว่าจะทำยังไงให้ประกายไฟเล็กๆ กลายเป็นเปลวเพลิงได้ มีคนเคยสอนฉันมาและฉันคิดว่าถึงเวลาที่ฉันจะต้องสอนเธอต่อ ฉันเห็นบางอย่างในตัวเธอ… ฉันสัญญาว่าสิ่งที่จะสอนนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเธอ“
แม้จิมจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมรูธถึงเชื่อมั่นใจตัวเขา ทั้งที่ตัวเขาเองไม่เชื่อในตัวเองด้วยซ้ำ แต่เขารับรู้ได้ถึงจิตใจอันอบอุ่นและมีเมตตาของคุณยายคนนี้ การฝึกกลวิเศษทุกวันตลอดปิดเทอมฤดูร้อนของจิมจึงเริ่มต้นขึ้น
กลของรูธ
แม้ลูกชายของรูธจะเป็นนักมายากลและเป็นเจ้าของร้านขายของมายากล แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมายากลเลย แต่กลวิเศษของรูธนั้นสามารถเสกทุกอย่างที่ใจเราปรารถนาได้ซึ่งมหัศจรรย์ไม่แพ้มายากล 🪄 เป็นกลที่ที่เชื่อมโยงสมองกับหัวใจเข้าไว้ด้วยกัน
คุณหมอโดตีแบ่งกลของรูธออกเป็น 4 พาร์ท ได้แก่
- ผ่อนคลายร่างกาย: การหายใจและผ่อนคลายร่างกายเป็นจุดเริ่มต้นของสมาธิ
- กล่อมจิตให้นิ่ง: รางวัลของการกล่อมจิตให้นิ่งคือความคิดที่กระจ่างชัด
- เปิดหัวใจ: หัวใจที่เปิดแล้วจะเชื่อมโยงคุณกับหัวใจของผู้อื่น สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
- กำหนดจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน: จุดมุ่งหมายที่ชัดเจนจะทำให้ภาพในความคิดกลายเป็นจริง
สรุปแล้วกลของรูธคือ การทำสมาธิและตั้งจิตอธิฐานตามหลักพุทธศาสนานั้นเอง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเคยชินจนไม่น่าตื่นเต้นสำหรับชาวพุทธ แต่มันถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สุดๆ สำหรับชาวอเมริกันชนบทในปี 1968 อย่างจิม การที่รูธสอนจิมฝึกสมาธิ ท่องคำสวดเพื่อเจริญสติ ตั้งจิตภาวนา มันดูราวกับหลุดมาจากหนังพ่อมดแม่มด ทำให้จิมรู้สึกว่ากลของรูธเหมือนเป็นเวทมนตร์
ซิสชอบวิธีการฝึกของรูธที่ทำตามได้ง่ายและได้ผลมากกว่าวิธีฝึกสมาธิที่โรงเรียนเราสอนมา โดยรูธสอนให้เรานั่งในท่าสบาย ผ่อนคลาย จดจ่ออยู่กับบางสิ่ง เช่น เปลวไฟของเทียน แต่ที่โรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมของซิส คุณครูจะบังคับให้นักเรียนนั่งขัดสมาธิหลังตรงแหน็ว ถ้าหลังงอจะถูกสะกิดเตือน นั่งเกร็งจนทรมานร่างกายมากกว่าผ่อนคลาย สิ่งที่เกิดไม่ใช่สมาธิแต่เป็นตะคริวและความง่วง เป็นประสบการณ์ฝังใจที่ทำให้ซิสไม่ชอบการทำสมาธิ แต่เมื่อลองทำตามวิธีของรูธ เกิดสมาธิได้ง่ายกว่าและรู้สึกดีกว่าจริงๆ
ปัจจุบันมีบทความมากมายกล่าวว่าคำสอนหลายข้อของศาสนาพุทธอิงมาจากหลักวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาซึ่งได้ผลจริง เช่น การฝึกสมาธิเป็นประจำจะทำให้เรามีสติมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความคิดความอ่านและการตัดสินใจที่ดีขึ้น ทำให้มีโอกาสบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น หรือการสวดมนต์เป็นประจำ (ด้วยถ้อยคำหรือประโยคที่เรารู้ความหมายนะ) เป็นการเตือนสติให้เราปฏิบัติตามสิ่งที่เราสวดอยู่เป็นประจำ เป็นต้น
ก่อนหน้าที่จะได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซิสเคยได้ยินคนประสบความสำเร็จหลายคนแชร์เทคนิคเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ การเห็นภาพเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเหมือนกับกลข้อที่ 4 ของรูธเรื่องกำหนดจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ยิ่งเป้าหมายชัดเจน เราย่ิงมีแรงขับเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมาย
เหมือนดั่งที่จิมในวัยมัธยมวาดภาพตัวเอง “ผมอยากเป็นหมอ ไม่สิ ผมรู้ว่าผมจะเป็นหมอ” จิมฝึกมองภาพตัวเองเป็นหมออยู่ทุกวัน ทุกคืน จากเด็กที่ไม่เคยตั้งใจเรียนก็ตั้งใจอ่านหนังสือด้วยตัวเอง เมื่อเขาเห็นภาพเป้าหมายชัดขึ้นเรื่อยๆ สมองก็เริ่มจัดการเรื่องการวางแผน การแก้ปัญหา การสรุปตัดสิน การใช้เหตุผล ความจำ การตัดสินใจ เอาชนะนิสัยไม่ดี และเลือกทางเลือกที่ฉลาด
หากสรุปชีวิตของจิมสั้นๆ เขากลายเป็นหมอตามที่เขาต้องการ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังวาดภาพตัวเองเป็นประสาทศัลยแพทย์ เป็นมหาเศรษฐี มีนาฬิกาโรเล็กซ์ มีรถปอร์เช่ เป็นเจ้าของเกาะ ซึ่งกลของรูธเสกความฝันทุกอย่างให้กลายเป็นจริงได้ (ยกเว้นเป็นเจ้าของเกาะ ที่เกือบจะได้เป็นแล้ว แต่ยกเลิกการซื้อไปซะก่อน)
ซื้อหนังสือ: นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
ชีวิตจิมเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ได้พบกับรูธ แต่หากย้อนกลับไปอ่านตอนเริ่มต้น จะเห็นว่าชีวิตจริงของเขามีขึ้นมีลงราวกับรถไฟเหาะ มีช่วงเวลาหลงทาง ลองผิดลองถูก แต่ทุกครั้งที่ชีวิตจมดิ่ง ก็ได้คำสอนของรูธเรียกสติและสร้างตัวกลับมาใหม่ได้ทุกครั้ง แนะนำให้อ่านเรื่องราวเต็มๆ ของคุณหมอได้ในหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ
สรุปแล้ว เราทุกคนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้เป็นไปดั่งที่ใจต้องการ เหมือนอย่างที่รูธกล่าวไว้ว่า “พวกเราทุกคนมีพลังในตัว เราแค่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนว่าจะใช้พลังนั้นอย่างไร” ซึ่งคุณหมอโดตีได้บอกวิธีฝึกฝนให้พวกเราตามกลของรูธไว้ในเล่มนี้แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะลงมือใช้พลังนั้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองหรือไม่