จูบกบตัวนั้นซะ: วิธีเปลี่ยนทัศนคติแง่ลบให้เป็นชีวิตในฝัน

Readers’ Garden เล่มที่ 89

เด็กยุค 90s หรือก่อนหน้านั้นอย่างพวกเราคงคุ้นเคยกันดีกับนิทานเรื่อง เจ้าชายกบ เรื่องราวของเจ้าหญิงแสนสวยที่ได้ช่วยเหลือเจ้าชายผู้ถูกสาปให้อยู่ในร่างของ เจ้ากบน่าเกลียด เจ้าหญิงเผชิญหน้าและตัดสินใจจุมพิตกบตัวนั้น กบก็กลายร่างเป็นเจ้าชายรูปงาม แล้วทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข 

คุณคงจะไม่ถามหาถึงความสมเหตุสมผลจากนิทานที่บทดั่งเดิมถูกเขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี 1812 หรอกนะ

อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับอุปสรรคของเจ้าหญิง เพื่อเปิดโอกาสสู่ชีวิตที่ดีกว่า ก็กลายมาเป็นแนวคิดของหนังสือจิตวิทยาสุดคลาสสิกอย่าง จูบกบตัวนั้นซะ เขียนโดยสองพ่อลูก ไบรอัน เทรซี (Brian Tracey) และคริสติน่า เทรซี สเตน (Christina Tracey Stein)

คุณพ่ออย่างไบรอันเป็นนักเขียนและนักพูดด้านความสำเร็จชื่อดังของอเมริกา ส่วนลูกสาวอย่างคริสติน่าเป็นนักจิตวิทยา พวกเขานำเสนอวิธีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติแง่ลบของเราให้ดีขึ้น ด้วยคอนเซปต์จากนิทาน…

เปลี่ยนเจ้ากบน่าเกลียด (ทัศนคติแง่ลบ) ให้กลายเป็นเจ้าชายรูปงาม (ชีวิตในฝัน)​

ขอสรุปหนังสือออกมาเป็น 4 ขั้นตอนปรับทัศนคติให้ชีวิตดีขึ้นดังนี้:

1. ความจริง 7 ประการ: ดึงคนที่ดีที่สุดในตัวคุณออกมา

ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณต้องเชื่อก่อนว่า คุณทำได้

ไบรอันเริ่มต้นหนังสือด้วย ความจริง 7 ประการเกี่ยวกับตัวคุณ ที่เปรียบเสมือนคาถาปลุกใจว่า คุณมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้น เพียงแต่คุณต้องปลดล็อกข้อจำกัดที่เราวางไว้ในใจเอง

  1. คุณเป็นคนดีและยอดเยี่ยม สิ่งนี้ไม่สามารถวัดออกมาเป็นตัวเลขได้
  2. คุณมีความสำคัญ และคุณเป็นคนให้ค่าความสำคัญกับสิ่งต่างๆ เอง
  3. คุณมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดในการสร้างชีวิตในฝัน
  4. คุณสร้างโลกของตัวเองได้ผ่านความเชื่อ และความเชื่อเป็นตัวกำหนดสภาพความเป็นจริง
  5. คุณมีอิสระในการคิดและลงมือทำเสมอ
  6. คุณถูกสร้างมาเพื่อให้ทำสิ่งที่แสนวิเศษให้กับชีวิตของตัวเอง
  7. โลกนี้ไม่มีขีดจำกัด คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะยัดขีดจำกัดนั้นลงในหัวของคุณเอง

วันไหนที่คุณรู้สึกหมดความมั่นใจ นี่คือคาถา 7 ข้อที่คุณควรสวดปลุกใจตัวเองค่ะ



2. จินตนาการถึงเจ้าชายรูปงาม (ชีวิตในฝัน)

ถ้าตอนนี้กบของคุณยังไม่เปลี่ยนเป็นเจ้าชายในฝัน ลองจินตนาการถึงวันนั้นด้วย Vision Manifestation แนวคิดที่ช่วยให้คุณดึงดูดสิ่งที่ปรารถนาเข้ามาในชีวิต ผ่านการมองเห็นภาพชัดเจนของสิ่งที่คุณอยากเป็นหรือชีวิตที่คุณอยากครอบครอง

เหมือนกับคนที่ชอบทำ Vision Board ใน Pinterest ภาพชีวิตในฝันไว้ หรือตั้งภาพสถานที่ท่องเที่ยวในฝันเป็นวอลเปเปอร์มือถือเพื่อเตือนใจตัวเอง

ไบรอันได้แนะแนวทางการนึกภาพถึงชีวิตในฝันไว้ 4 ด้าน ได้แก่:

  1. อาชีพการงาน: งานในฝันของคุณเป็นอย่างไร? คุณอยากมีบทบาทแบบไหนในชีวิตการทำงาน?
  2. ความสัมพันธ์และครอบครัว: ความรัก ครอบครัว หรือมิตรภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณมีหน้าตาอย่างไร?
  3. ร่างกายและสุขภาพจิต: คุณอยากมีสุขภาพร่างกายและจิตใจแบบไหน? คุณอยากดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อให้รู้สึกดีที่สุด?
  4. การเงิน: สถานะทางการเงินที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณเป็นอย่างไร? คุณอยากมีรายได้เท่าไร หรืออิสรภาพทางการเงินในแบบของคุณคืออะไร?

ให้คุณลอง วาดภาพฝันของตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด จินตนาการถึงทุกอย่างที่คุณอยากได้ ไม่ว่าจะดูห่างไกลแค่ไหน อย่ากลัวที่จะฝันให้ใหญ่ แล้วหันกลับมามองชีวิตปัจจุบันของคุณ

ถามตัวเองว่า:

  • ตอนนี้สถานการณ์ของคุณเป็นอย่างไร?
  • อะไรคืออุปสรรคหรือเหตุผลที่ทำให้คุณยังไม่สามารถครอบครองชีวิตในฝันนั้นได้?
  • สิ่งแรกที่คุณสามารถเริ่มต้นทำได้ในตอนนี้คืออะไร?

การเริ่มต้นเล็กๆ แม้เพียงก้าวเดียว เช่น การเรียนรู้เพิ่มเติม ลงมือทำสิ่งใหม่ หรือปรับพฤติกรรมบางอย่างให้สอดคล้องกับภาพฝันของคุณ เป็นการส่งพลังบวกและตั้งใจเดินหน้าสู่เป้าหมายในระยะยาว



3. กำจัดทัศนคติในแง่ลบ

เผชิญหน้ากับกบของคุณ แล้วจูบมันซะ

คริสติน่าแบ่งคนที่กำลังเผชิญปัญหาออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่:

  1. ผู้เผชิญหน้า: คนที่กล้าเผชิญกับความกลัวอย่างเปิดเผย สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองและสร้างชีวิตในแบบที่ต้องการได้
  2. ผู้หลบเลี่ยง: คนที่หนีปัญหา ผัดวันประกันพรุ่ง จนปัญหาจะสะสมไปเรื่อยๆ และยากที่จะหาทางแก้ไข

คุณเลือกได้เองว่าจะเป็น ผู้เผชิญหน้า หรือ ผู้หลบเลี่ยง ?

ตัวอย่างเช่น เจ้ากบในอดีตของเราคือ การเปิดดูบันทึกรายรับรายจ่ายในแอปพลิเคชันธนาคาร เพราะสิ่งที่สะท้อนกลับมาคือพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไร้สติ ทั้งน่าอายและน่าเสียดาย แต่เพื่อเจ้าชายรูปงาม (อิสรภาพทางการเงิน) เราก็กลั้นใจจุมพิตเจ้ากบ ใช้เวลาหลายวันนั่งทำบัญชีรายรับรายจ่าย ทบทวนพฤติกรรม วางแผนการเงิน และเริ่มลงทุนเพื่ออิสรภาพทางการเงิน

อีกหนึ่งกบที่เคยหลอกหลอนเราคือ การซื้อบ้านหลังแรก จากความคิดที่ว่า ผู้หญิงตัวคนเดียวจะไหวไหม เราไม่มีความรู้เรื่องอสังหาฯ กังวลเรื่องหนี้สิน แต่เราเผชิญหน้ากับกบตัวนี้ เริ่มจากหาข้อมูลเรื่องบ้าน สินเชื่อ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ นั่งทำแผนการเงินใน Google Sheets การลงมือทำทีละขั้นช่วยให้ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เราสามารถมีบ้านหลังแรกที่ชอบได้สำเร็จ

แยกแยะข้อเท็จจริงออกจากปัญหา

ข้อเท็จจริงคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น อายุของคุณ สภาพอากาศ หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว สิ่งที่คุณทำได้กับข้อเท็จจริงเหล่านี้ คือยอมรับและปรับตัวให้สอดคล้องกับมัน

ในขณะที่ปัญหาคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ คุณสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์แก้ไขปัญหา โดยเริ่มต้นจากการตั้งคำถาม 4 ข้อ:

  1. เหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้น?
  2. มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
  3. เราสามารถทำอะไรได้บ้าง?
  4. ตอนนี้เราจะลงมือทำอะไรได้บ้าง?

การไตร่ตรองปัญหาด้วยคำถามชุดนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นวิธีแก้ไขได้อย่างมีระบบ และแยกปัญหาออกจากสิ่งที่ควบคุมไม่ได้

ความสุขในวัยเยาว์ (หน้า 84)

หากเจ้ากบของคุณคือ ความทรงจำของครอบครัวในวัยเด็กที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ คุณอาจโทษพ่อแม่ โทษว่าฉันไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาในครอบครัวนี้สักหน่อย

ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร คุณก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ผ่านไปแล้วได้ แต่คุณปรับความคิดให้ชีวิตดำเนินไปต่อได้

ไบรอันแนะนำให้ลองจินตนาการว่า คุณเป็นวิญญาณที่กำลังออกเดินทางทั่วจักรวาลเพื่อเลือกพ่อแม่ของคุณเอง คุณตั้งใจเลือกครอบครัวนี้ เพราะคุณต้องการเผชิญกับความท้าทายและความทุกข์ในวัยเด็ก เพื่อให้คุณได้พัฒนาตัวเองและเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยม

สำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่นและยังรู้สึกเกลียดชังอดีต แนวคิดนี้ช่วยปลอบโยนได้มาก มันทำให้เราเห็นว่า

  • ข้อเท็จจริงคือ เราเกิดมาในครอบครัวนี้ วัยเด็กผ่านไปแล้ว และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
  • ปัญหาคือ เราเลือกที่จะยึดติดกับอดีตจนมันขัดขวางความสุขในปัจจุบันและอนาคต

การเปลี่ยนมุมมองว่าคุณคือคนเลือกครอบครัวนี้เอง แม้จะเติบโตมาอย่างยากลำบาก แต่มันทำให้คุณมีประสบการณ์ และกลายเป็นคุณที่แข็งแกร่งในวันนี้

สิ่งที่วิเศษคือ ตอนนี้คุณสามารถเลือกครอบครัวของตัวเองได้จากบทเรียนในอดีต

อย่าให้อารมณ์บิดเบือนข้อเท็จจริง

บางครั้งเจ้ากบอาจดูน่ากลัวเกินจริงเพราะคุณมองผ่านเลนส์ของอารมณ์ เช่น โกรธ กลัว หรือกังวล ดังนั้นเมื่อปัญหาเกิดขึ้นและคุณรู้สึกว่าคุณกำลังใช้อารมณ์ในการตัดสิน ลองทำพักผ่อนและปล่อยเวลาให้ผ่านไปสักคืน เพื่อให้จิตใจสงบ หรือปรึกษาคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหา อาจจะเล่าปัญหาแบบนิรนามในโลกออนไลน์ เพราะมุมมองของพวกเขามักเป็นกลาง และช่วยให้คุณเห็นอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่เคยคิดถึง

หยุดกล่าวโทษ

หยุดโทษทั้งตัวเองและคนอื่นแทนด้วยคำว่า “ฉันรับผิดชอบเอง” การรับผิดชอบในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการรับผิดในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่หมายถึง การรับผิดชอบต่ออารมณ์ ความรู้สึก และทัศนคติของตัวเอง

เมื่อทัศนคติด้านลบเกิดขึ้น คุณคือผู้ควบคุมว่าจะจัดการกับมันอย่างไร จะยังยึดติดกับมุมมองด้านลบต่อไป หรือจะเลือกปล่อยวางและมองหาสิ่งดีๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก



4. เพิ่มอารมณ์บวก

การคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

เริ่มต้นจากแนวคิดพื้นฐานว่า คุณเป็นอย่างที่คุณคิด คุณเป็นอย่างที่คุณพูด และคุณเป็นอย่างที่คุณทำ ดังนั้นการใส่ คำยืนยันในแง่บวก ลงไปในสมองเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มต้นจากคำพูดง่าย ๆ เช่น

  • “ฉันทำได้”
  • “ฉันชอบตัวเอง”
  • “ฉันหาเงินได้ปีละ X บาท”

หากคุณต้องการเปลี่ยนนิสัย เช่น ลดน้ำหนัก แทนที่จะบอกว่า “ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้” หรือ “ฉันจะไม่กินอาหารขยะอีก” ลองเปลี่ยนเป็น “ฉันคือคนสุขภาพดี” เมื่อคุณเชื่อมั่นเช่นนี้ คุณจะเริ่มทำในสิ่งที่คนรักสุขภาพทำ เช่น เลือกกินอาหารดีๆ ออกกำลังกาย และดูแลตัวเอง แนวคิดนี้คล้ายกับหลักในหนังสือ Atomic Habits ที่เน้นว่า การเปลี่ยนตัวตนของคุณคือกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรม

ก้าวข้ามความกลัวและการถูกปฏิเสธ

สิ่งหนึ่งที่หลายคนกลัวคือ การถูกปฏิเสธและการล้มเหลว ซึ่งไบรอันบอกว่าเป็นธรรมชาติที่แม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกก็ต้องเจอ เขาเล่าว่าตอนอายุ 24 ปี ขณะที่ทำงานเป็นเซลล์เคาะประตูขายของ เจอทั้งคนใจดีและคนปฏิเสธมานับพัน หลังจากผ่านประสบการณ์นั้น เขาไม่กลัวการถูกปฏิเสธอีกต่อไป ทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธ เขาจะยิ่งกระตือรือร้น ความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติที่เราทุกคนต้องเจอ แต่สิ่งสำคัญคือ ไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้

ซื้อหนังสือ: Shopee, นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya

จงกลายเป็นบุคคลที่ใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

บุคคลที่ใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ (หน้า 107) หมายถึงคนที่มี วุฒิภาวะและบุคลิกภาพที่สมบูรณ์พร้อม เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเอง พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น และมั่นใจทั้งในตัวเองและในโลกใบนี้อย่างเต็มเปี่ยม

คนเหล่านี้มีความอบอุ่น มีเสน่ห์ มีมารยาท และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกเขาใส่ใจความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถดำเนินชีวิตตามแนวทางที่ตัวเองเชื่อมั่นได้อย่างอิสระ โดยไม่รู้สึกว่าต้องแก้ตัวหรืออธิบายการกระทำของตัวเองให้ใครฟัง

คำพูดนี้เป็นการเตือนใจให้เราอย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า อย่ามัวแต่กังวลกับความคิดของคนอื่น เพราะการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและเต็มศักยภาพในแบบของเรานั้น คือหนทางแห่งความสุข และการเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด

แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2012 แต่เนื้อหายังคงทรงพลัง หากคุณเคยอ่านหนังสือจิตวิทยาพัฒนาตัวเองเล่มดัง เช่น Atomic Habits หรือ The Power of Positive Thinking มาก่อน คงจะรู้สึกว่าเนื้อหาเล่มนี้ใกล้เคียงกัน แต่หนังสือเล่มนี้ยังคงเป็นรากฐานที่ดีในการปรับมุมมองชีวิต โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นค้นหาวิธีพัฒนาตัวเอง





Total
0
Shares
Picture of Cookie

Cookie

นักการตลาดโดยอาชีพ นัก Artistic Pole & Aerialist สมัครเล่น ชอบสร้างสรรค์ digital template แจกโดยสมัครใจ และสมัครไปปีนเขาทุกปี

CREATIVE LAB

LIFE DESIGN TEMPLATES

Track your growth. Organize your mind. Design a life that works for you.

digital Notebook

Travel Planner Template

Notion Template

Wallpaper & Folder Icon

Self-design. Infinite possibilities. Spread Kindness.

คาเฟ่ดิจิทัล ☕︎ เสิร์ฟคอนเทนต์ทักษะชีวิต ปลดล็อกศักยภาพ และเครื่องมือออกแบบชีวิต ที่จะช่วยให้คุณค้นพบเป้าหมาย เป็นได้ทุกอย่างที่ใจต้องการ และใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ

© All Rights Reserved.

2020 – 2025 SIS ACADEMY | by Ponglada Niyompong