วันหนึ่ง ☀️
เพื่อน: จะไปเล่นคาสิโนที่มาเลเซียนะ ไปด้วยกันมั้ย?
ซิส: (กำลังจะพิมพ์ตอบว่า ไม่…)
เพื่อน: มีสวนสนุกด้วยนะ
ซิส: รออะไรอยู่ จองตั๋วสิคะ!
ทริปเที่ยวเก็นติ้ง(และกัวลาลัมเปอร์นิดหน่อย) 4 วัน 3 คืน ประเทศมาเลเซียจึงเริ่มต้นง่ายๆ แบบนี้แล แค่มีสวนสนุกมาล่อ ก็พร้อมไปด้วยแล้วค่า 🤩
5 รายการสิ่งที่ทำในทริป 4 วัน 3 คืน
- กรี๊ดให้สุดที่สวนสนุกบนยอดเขา
- เสี่ยงโชคที่สกายคาสิโนเก็นติ้ง
- ขาสั่นพั่บๆ บนกระเช้าลอยฟ้าเก็นติ้ง
- ถ่ายรูปมุมฮิต IG ในกัวลาลัมเปอร์
- กลับไปเยี่ยมถ้ำบาตู วัดฮินดูที่มีเทวรูปสูงที่สุดในโลก
วันที่ 1-2: เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highlands)
ออกเดินทาง! จากสนามบิน KLIA2 สู่เก็นติ้ง
วิธีการเดินทาง: เราเริ่มต้นที่สนามบิน KLIA2 จากนั้นนั่งรถบัสมาลงที่สถานีโก๊ะตง จายา (Gohtong Jaya) เก็นติ้งไฮแลนด์ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ราคา 45 ริงกิตสำหรับไปเก็นติ้งและนั่งกลับมาที่ KL Sentral ด้วย
รถบัสสะอาด เบาะนั่งสบาย หลับเพลินเลยค่ะ มีที่ชาร์จแบตใช้งานได้ดี ติดอย่างเดียว กลิ่นบุหรี่ฟุ้งรถ คาดว่าเป็นกลิ่นที่ติดมาจากตัวคนขับ เลยนอนใส่แมสก์ดมยาดมไป
เมื่อถึงสถานีรถบัส เราต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นยอดเขาเก็นติ้งกัน โดยมี 2 เส้นทางให้เลือกค่ะ
- สายอวานา (Awana Skyway): เส้นทางยอดฮิต กระเช้าลอยฟ้าเป็นแบบพื้นใส หวาดเสียว เห็นวิว 360 องศา มี 3 สถานีคือ สถานีอวานา (Awana) → สถานีวัดถ้ำชินสวี (Chin Swee) → สถานีสกายอเวนิว (SkyAvenue) ช่วงที่เราไปเส้นทางนี้ปิดซ่อมบำรุงอยู่ จึงต้องนั่งอีกเส้นทางค่ะ
- สายเก็นติ้ง (Genting Skyway): กระเช้าลอยฟ้าแบบพื้นทึบ หวาดเสียวน้อยกว่าแบบแรก มี 2 สถานีคือ สถานีโก๊ะตง จายา → สถานีไฮแลนด์ (Highlands) วิวสองข้างทางเป็นป่าเขียวชอุ่ม นั่งฟังเสียงนกร้องเพลินๆ 15 นาทีก็ถึงยอดเก็นติ้งแล้ว
วินาทีแรกที่เดินลงจากกระเช้า ลมหนาวปะทะเต็มหน้า อากาศเย็นสดชื่นมาก รู้สึกว้าว ว้าว ว้าว! ตื่นตาตื่นใจไปหมด เข้าไปถึงก็เจอสวนสนุกในร่ม Skytropolis ก่อนเลย บรรยากาศคึกคักสนุกสนาน วันหยุดเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ! ก่อนจะออกสำรวจ เราขอไปเช็คอินเก็บกระเป๋ากันก่อน
โรงแรม First World
ที่นี่มีโรงแรมในเครือ 7 แห่ง ตั้งอยู่ใกล้กันทั้งหมด เราเลือกพักที่โรงแรมสีรุ้ง First World Hotel ซึ่งราคาถูกที่สุด ค่าห้องคืนละ 1,000 บาท พักได้ 2 คน หารกับเพื่อนแล้วถูกมากๆ ทำเลดี อยู่ติดกับคาสิโนและสวนสนุกเลยค่ะ
มีระบบ Self Check-In/Self Check-Out สะดวกสบาย จัดการเองได้ที่ตู้ Kiosk เลยค่ะ แค่สแกนพาสปอร์ต กรอกหมายเลขจองห้อง ก็จะได้คีย์การ์ด ส่วนตอนเช็คเอาท์ให้เอาคีย์การ์ดไปคืนที่ตู้ก็เสร็จเรียบร้อย
เราเพิ่งทราบว่าที่มาเลเซียมี Tourism Tax ของที่พัก ราคา 10 ริงกิตต่อคืนต่อห้อง ทีแรกพวกเราก็งงกันว่าทำไมไม่รวมมาตั้งแต่จองห้องผ่านเว็บเลย ปรากฏว่าเป็นนโยบายของมาเลเซียที่เก็บ Tourism Tax เพิ่มตอนเช็คอิน เป็นแบบนี้ทุกโรงแรม ดังนั้นหากถูกชาร์จเงินเพิ่มอีก 10 ริงกิตต่อห้อง ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ
ห้องพักขนาดเล็ก สะอาดสอ้าน มีของใช้ครบ มีตู้กดน้ำเปล่าให้ข้างนอก ผนังบาง เวลาเดินผ่านห้องอื่นจะได้ยินเสียงอู้อี้ๆ ของทีวีหรือเสียงคุยกัน แต่ไม่ได้ดังขนาดที่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่เราไม่ได้ยินเสียงจากห้องอื่นเข้ามาในห้องนะ ห้องพักไม่มีแอร์ แต่กลางคืนอากาศหนาวยิ่งกว่าเปิดแอร์ซะอีก มีพัดลมเพดานซึ่งเราแทบไม่ได้เปิดเลย
ถ้าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่เที่ยวเล่นข้างนอก ต้องการที่พักแค่เพื่อนอนหลับเอาแรง ที่นี่เหมาะเลยค่ะ
*ที่นี่ใช้จ่ายด้วยการ์ดเพียงอย่างเดียว ไม่รับเงินสด สามารถใช้เดบิตการ์ด เครดิตการ์ด หรือแอปทำธุรกรรมทางการเงินอย่าง GrabPay, AliPay ก็ได้ค่ะ
สวนสนุกนอกร่ม Genting SkyWorlds Theme Park
สนุกเกินคาดมาก! สนุกไม่แพ้ USS (Universal Studios Singapore) เลยค่ะ มีเครื่องเล่นจากแอนิเมชั่นและภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Epic, Ice Age, Rio, Rise of the Planet of the Apes, Robots เป็นต้น
สำหรับตั๋ว เราซื้อตั๋วแบบแพ็กเกจจาก Klook ได้ตั๋วเข้าสวนสนุกนอกร่ม SkyWorlds + สวนสนุกในร่ม SkyTropolis + กระเช้าลอยฟ้า 1 รอบ ราคารวม 1,406 บาท คุ้มมากๆ
เราไปวันธรรมดา คนไม่ค่อยเยอะมากค่ะ คึกคักกำลังพอดี ส่วนใหญ่รอคิวเครื่องเล่นไม่ถึง 5 นาที ส่วนเครื่องเล่นยอดฮิตก็สามารถจองคิวผ่านแอป Genting SkyWorlds ได้ เราเล่นตั้งแต่ 11 โมงถึงบ่าย 3 โมงก็ครบทุกเครื่องที่เปิดแล้ว (เช็คว่าเครื่องเล่นไหนปิดซ่อมบำรุงบ้างได้ที่เว็บ Genting Skyworlds)
ขอเรียงลำดับเครื่องที่ชอบที่สุด (หวาดเสียวสุด) ไปจนถึงเครื่องเล่นสบายๆ ดังนี้ค่ะ
- Alpha Fighter Pilots: เครื่องบินเหาะหมุน 360 องศา ห้อยหัวกลางอากาศ หวาดเสียวและสนุกมากที่สุด
- Samba Gliders: เครื่องเล่นเหาะชมวิวจากมุมสูงแบบกระชากวิญญาณ หวาดเสียวมากสำหรับคนกลัวความสูง แค่นึกถึงตอนนี้มือก็เหงื่อออกแล้ว
- Acorn Adventure: รถไฟเหาะ Ice Age แรงและเร็ว คนนั่งฝั่งขวาเตรียมรับแรงกระแทก เล่นเสร็จแขนขวาช้ำเลยค่ะ
- Rivet Town Roller: เครื่องเล่นหมุนขึ้นลง 360 องศาแบบควบคุมได้เอง จะหมุนหน้า หมุนหลังได้หมด สนุกมากและเวียนหัวนิดๆ
- Epic Voyage to Moonhaven: ผจญภัยไปในป่ามหัศจรรย์จาก Epic หวาดเสียวแค่ตอนพุ่งทะยานลงน้ำ เป็นเครื่องเล่นเดียวที่เปียก ชุ่มช่ำสะใจ
- ESD Global Defender: เครื่องบินเหาะหมุนวงกลมเบาๆ ไม่ค่อยหวาดเสียว รับลมเย็นสบายๆ
- Invasion of the Planet of the Apes: ชมเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างลิงและมนุษย์แบบ 3D สนุกตื่นเต้น ค่อนข้างสมจริงเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกนั้นเลยค่ะ
- Ice Age: Expedition Thin Ice: ผจญภัยฝ่าภูเขาไฟระเบิดในยุค Ice Age แบบ 3D เหมือนนั่งดูหนังสั้น
- Epic Hummingbird Flyers: ชมวิวสวนสนุกจากมุมสูงแบบสบายๆ ลมเย็นๆ
- Night at the Museum: Midnight Mayhem: นั่งรถรางเล่นเกมยิงหุ่นโชว์ในพิพิธภัณฑ์ที่กลับมามีชีวิตในตอนกลางคืน สะสมคะแนนแข่งกับเพื่อนได้ ยิงจนปวดมือ
- Sid’s Rock ‘N’ Slide: ขอนไม้ไวกิ้งเวอร์ชั่นหมุนเป็นวงกลมเบาๆ เหมือนมานั่งพักเอาลมเย็นๆ รอบที่เราเล่นทุกคนนั่งกันเงียบกริบ ยิ้มแห้งใส่กัน แบบแค่นี้เองเรอะ!
สวนสนุกในร่ม Skytropolis Indoor Theme Park
สวนสนุกที่เพื่อนๆ ซิสปรามาสว่า ‘สวนสนุกเด็กน้อย’ ไว้ให้ลูกหลานมาเล่นรอผู้ปกครองเล่นคาสิโน เลยไม่มีใครเล่นด้วยเลยค่ะ แต่เล่นคนเดียวก็สนุกได้ แถมบอกเลยว่าเครื่องเล่นหวาดเสียวของจริงอยู่ที่นี่ต่างหาก!
- Super Gliders: รถไฟเหาะแบบยืน เป็นครั้งแรกที่เล่นรถไฟเหาะแบบนี้ หวาดเสียวสุด กรี๊ดสุดเสียงจริงจัง กลัวมากและสนุกมากจนต้องเล่นซ้ำ!
- Spin Crazy: หมุน 360 องศาแบบเร็วและแรง กรี๊ดจนเขินน้องวัยประถมที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นอีกเครื่องที่สนุกจนขอเล่นซ้ำ
- Power Surge: เครื่องบินเหาะหมุน 360 องศา เท้าชี้ฟ้า หวาดเสียวสุดๆ
- Disco!: เครื่องเล่นจานหมุนดิสโก้ 360 องศาแบบหันหน้าออกข้างนอก สนุกมากๆ
ส่วนที่เหลือจะเป็นเครื่องเล่นแนว Family ผู้ปกครองพาเด็กน้อยมาเล่น เช่น ชิงช้าสวรรค์, ม้าหมุน, รถไฟคุณปู่, เจ้าหนูลมกรด, ถ้วยหมุน เป็นต้น เล่นสนุกได้จนถึง 3 ทุ่มเลย
คาสิโน SkyCasino
หลังจากเล่นจนสวนสนุกปิด เราก็มาเสี่ยงโชคกันต่อที่คาสิโน (เผื่อจะได้กำไรไปเล่นสวนสนุกอีกรอบ อิอิ)
วิธีสมัครสมาชิกคาสิโน: ก่อนจะเล่นต้องสมัครบัตรสมาชิกคาสิโนก่อน เลือกสมัครได้ 2 วิธีค่ะ วิธีแรกคือ สมัครที่เคาน์เตอร์ ให้พนักงานลงทะเบียนให้ ง่ายแต่คิวยาวมากกกก! น่าจะรอคิวอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
ดังนั้นเราจึงเลือกวิธีที่ 2 คือ สมัครเองที่ตู้ Kiosk แค่สแกนพาสปอร์ตและกรอกข้อมูลส่วนตัว 5 นาทีก็ได้บัตรสมาชิกแล้ว แต่! ตู้อ๊องมาก จู่ๆ ตู้รีเซตระบบกลับไปหน้าแรกสุดเฉย ต้องเสียเวลากรอกทุกอย่างใหม่อีกรอบ แต่ก็เร็วกว่าต่อคิวลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์อยู่ดี
หลังจากได้บัตรสมาชิกแล้วก็เข้าคาสิโนกันเลย เดินตัวปลิวเข้าไปได้เลยค่ะ ไม่มีการตรวจพาสปอร์ตเหมือนที่สิงคโปร์ ยกเว้นเพื่อนเราคนหนึ่งที่สงสัยหน้าเด็กมาก ถูกเรียกตรวจพาสปอร์ตอยู่คนเดียว 😂 เอากระเป๋าเล็กๆ เข้าไปได้แต่ห้ามเอากล้องเข้าไป เพื่อนเราสะพายกระเป๋ากล้องมาก็ถูกห้ามไม่ให้เข้า ต้องเอาไปเก็บที่โรงแรมหรือฝากไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ก่อน
ข้างในจะมีเกมให้เล่นมากมาย เราเองก็ไม่สันทัดเรื่องเกมคาสิโนเท่าไหร่ เล่นอย่างเดียวคือตู้สล็อต ซึ่งรีวิวจบเร็วมากเพราะเสียรัวๆ 😅 ซิสตั้งงบเล่นไว้ 150 ริงกิต (ประมาณ 1,000 บาท) เล่นพอให้ได้ประสบการณ์ ลองสลับตู้เล่นไปทั่วก็เสียอย่างเดียว พอหมดงบก็หักห้ามใจ เสียคือเสีย จบคือจบ
ต่างจากตอนเล่นที่คาสิโนสิงคโปร์ ตอนนั้นยังได้บ้างเสียบ้างให้พอได้ลุ้น ได้โบนัสเกมฟรีบ่อยๆ สนุกและลุ้นกว่า เลยเล่นได้ยาวๆ
โบนัส! One Piece Asia Tour 2023
แม้จะไม่มีดวงคาสิโน แต่ดวงโอตาคุของเรายังดีอยู่ ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ เรามักจะเจองานอีเวนท์สิ่งที่เราคลั่งไคล้โดยบังเอิญ รอบก่อนไปเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้เจอวง One Ok Rock ที่เราชอบที่สุดกำลังจัดคอนเสิร์ตที่เมืองนั้น รอบนี้ก็มาเจออีเวนท์การ์ตูนในดวงใจ One Piece Asia Tour 2023 จัดที่เก็นติ้งเป็นที่แรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!
ในอีเวนท์มีบูธไฮไลท์ของแต่ละซีซั่นให้แฟนๆ ถ่ายรูปและรำลึกความหลัง เริ่มตั้งแต่ลูฟี่ออกทะเลไปโร้กทาวน์ (Logue Town) จุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งโจรสลัด ไปจนถึงอนิเมะภาคล่าสุดวาโนะคุนิ (Wano Kuni)
มีให้เล่นเกมผ่านแอป ONE PIECE Great Era of Piracy สะสมคะแนนเป็นเงินเบรีแล้วนำไปแลกของรางวัล สนุกมาก เกมมาจากเหตุการณ์ในวันพีซ เช่น ด่านเอนิเอสลอบบี้ให้ยิงกระสอบทรายใส่ทหารเรือกีกี้, ด่านเกาะเงือกให้ยิงเรือโนอาห์ที่กำลังจะพุ่งชนเกาะ, ด่านวาโนะเหมือนเกมงานวัด มีเตะบอล โยนห่วง เป็นต้น
เรื่องน่ารักๆ ที่เจอคือ มีคุณลุงคนหนึ่งมากับภรรยา เขาเห็นเรามาคนเดียวเลยเสนอตัวถ่ายรูปให้เองเลย ซึ้งใจมาก 🥺 คุณลุงดูเป็นแฟนพันธ์ุแท้ ดูตื่นเต้นตาเป็นประกาย ส่วนคุณภรรยาดูทรงจะไม่ใช่แฟนวันพีซ เพราะถ่ายรูปให้สามีอย่างเดียว ตัวเองไม่ถ่าย คอยถามเอามุมนี้มั้ย มุมนั้นมั้ย มาเพื่อเป็นตากล้องจริงๆ เห็นคุณลุงแล้วก็คิดว่า พอเราอายุมากขึ้นถึงวัยนั้น เราจะยังคงตื่นเต้นกับอนิเมะเรื่องโปรดแบบนี้อยู่มั้ยนะ อยากให้ความตื่นเต้นแบบเด็กๆ ยังคงอยู่ไปตลอดเลย
ค่าเข้าชม 114 ริงกิต (สำหรับชาวต่างชาติ) งานจัดวันที่ 23 มีนาคม – 8 พฤษภาคม 2566 ค่ะ
วันที่ 3-4: กัวลาลัมเปอร์ (KL)
หลังจากเที่ยวบนเขาเก็นติ้งจนหนำใจ เราก็นั่งรถบัสกลับลงมาที่ศูนย์กลางการเดินทางของกรุงกัวลาลัมเปอร์ KL Sentral แวะซื้อบัตร KL Travel Pass ราคา 75 ริงกิต ใช้นั่งรถไฟฟ้าได้ไม่จำกัดเที่ยว 2 วันเต็มและนั่ง KLIA Express ไปสนามบินได้ คุ้มค่ามากค่ะ
ก่อนจะออกเที่ยวในเมืองตามมุมฮิต IG ก็แวะไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมกันก่อน
โรงแรมคอสโม (Cosmo Hotel)
เราพักกันที่โรงแรมคอสโม ราคาถูกและทำเลดี ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek เดินเพียง 3 นาที บริการดีมากๆ ค่ะ เรามาถึงก่อนเวลาเช็คอินหลายชั่วโมง ก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้ รวมถึงวันที่เช็คเอาท์แล้ว ก็ฝากกระเป๋าไว้ได้แล้วค่อยกลับมาเอาตอนจะไปสนามบิน
ห้องพักราคาประมาณ 900 บาท พักได้ 2 คน หารกันแล้วถูกมาก ห้องที่เราพักไม่มีหน้าต่างแต่ไม่อึดอัดค่ะ สะอาดสอ้าน เตียงนอนสบาย ประทับใจที่มีเตารีดผ้าให้ในห้องด้วย ใครยัดเสื้อผ้ามายับๆ เอามารีดได้เลย
ข้อเสียอย่างเดียว พนักงานลืมให้ผ้าเช็ดตัวและลืมเติมสบู่ แถมไม่มีเบอร์ล็อบบี้เขียนไว้ในคีย์การ์ด เลยต้องลงไปแจ้งพนักงานเอง
ร้านหนังสือสุดฮิป BookXcess, Rex KL
มุมฮิต IG ที่ชาว Bookstagram ไม่ควรพลาด ร้านหนังสือสุดฮิป BookXcess สาขาตึก Rex KL ค่ะ เป็นร้านหนังสือที่สวยที่สุดที่เราเคยไปมาเลย เดินที่นี่ที่เดียวก็อิ่มอกอิ่มใจ รู้สึกว่าคุ้มค่าทริปนี้แล้ว
ที่นี่เคยเป็นโรงหนังมาก่อน ตอนนี้เป็นร้านหนังสือ มองลงมาเป็นตลาดนัดแฮนด์เมด ชั้นบนสุดเป็นบาร์ ส่วนในร้านมีหนังสือภาษาอังกฤษและบอร์ดเกมราคาไม่แพง มีมินิแกลอรี่งานศิลปะ สวรรค์ของคนรักหนังสือเลยค่ะ
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี Pasar Seni ตึกนี้ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์
ร้านหนังสือวินเทจ Mentor Bookstores
ตั้งอยู่ในตึก Rex KL ที่เดียวกับ BookXcess ข้างบนเลยค่ะ แต่ร้านนี้มีแต่หนังสือภาษาจีนและของเล่นวินเทจ คนละแนวแต่น่ารักทั้งคู่
สะพานซาโลมา (Saloma Link Bridge)
สะพานสีรุ้งมุมฮิต IG ที่นิยมมาถ่ายรูปกันตอนกลางคืน มองเห็นยอดตึกแฝดปิโตรนาส (Petronas Towers) เป็นพื้นหลัง วิวสวยมาก แต่คนเป็นร้อย! ไม่มีทางเลยที่จะถ่ายไม่ติดคนอื่น ยกเว้นมาตอนกลางวัน (ซึ่งไม่เห็นแสงไฟที่เป็นไฮไลท์)
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี KLCC เดินต่อ 2 นาทีก็ถึงสะพานแล้ว
คาเฟ่ Flaaah (Flaaah The Bakery)
คาเฟ่เบเกอรีมินิมอล มีแต่เมนูน่ารักๆ จนอยากจะสั่งทั้งหมดเลย เราสั่งกาแฟ Spanish Latte ที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ อร่อยละมุน
ถ้ำบาตู (Batu Caves)
วัดฮินดูที่มีเทวรูปสูงที่สุดในโลก มีบันไดสีรุ้ง 272 ขั้นขึ้นไปบนถ้ำบาตู ซิสเคยมาที่นี่เมื่อปี 2017 ผ่านไป 6 ปี ลิงเยอะเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือนกพิราบ! เยอะพอๆ กับสนามหลวง มีคนคอยให้อาหารลิง อาหารนก ดังนั้นเลยมีเศษอาหารกระจัดกระจายเต็มพื้น วันที่เราไปเหมือนจะมีพิธีสำคัญทางศาสนาพราหมณ์ เลยมีคนท้องถิ่นมาทำบุญกันเยอะมากๆ
ถ้ำบาตูเป็นเหมือนสถานที่ทดสอบความแข็งแกร่งของกล้ามขาและท้าทายคนกลัวความสูง เราใช้เวลาขาลงนานกว่าขาขึ้นอีก ขาสั่นพั่บๆ จนต้องค่อยๆ ก้าว (สาเหตุที่ทำให้ตกรถไฟ 🥲)
ความทรงจำโบ๊ะบ๊ะของที่นี่คือ ตอนมาครั้งแรกเมื่อปี 2017 บันไดยังไม่ทาสีรุ้งเลย ตอนนั้นขณะเดินขึ้นบันไดไป มีคุณปู่ท่านหนึ่งท่าทางคล้ายกับพราหมณ์ยื่นก้อนอิฐให้เรา เรางงเพราะเขายื่นให้อย่างเดียว ไม่พูดไม่บอกใบ้อะไรเลย หรือเขาจะขายก้อนอิฐให้เรานะ? แบบก้อนอิฐศักดิ์สิทธิ์ไว้บูชา? (อย่าเพิ่งอิหยังวะกับซิส พอดีวันก่อนหน้านั้นเพิ่งเจอ ‘มิจ’ มาเดินตามขอเงินนั่งรถบัสกลับสิงคโปร์อยู่ เลยระแวงไปหมดเลยค่ะ)
เราโบกมือพัลวันปฏิเสธ คุณปู่ก็ยังพยายามยื่นอิฐให้ เราเลยเดินหนีมาเลย มารู้ทีหลังว่าเขาให้นักท่องเที่ยวช่วยกันขนอิฐคนละก้อนสองก้อนขึ้นไปเพื่อใช้สร้างบันไดในถ้ำ ถือว่าได้ร่วมทำบุญอันยิ่งใหญ่ อ้าว! รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ ขอโทษนะคะคุณปู่ 🥲
วิธีการเดินทาง: พวกเรานั่งรถไฟ KTM Komuter จากสถานี KL Sentral มาลงที่สถานีถ้ำบาตู เนื่องจากอยู่นอกเส้นทางของบัตร KL Travel Pass จึงต้องซื้อตั๋วแยก ตั๋วไปกลับราคา 12 ริงกิต ใช้เวลา 40 นาที ที่จริงระยะทางไม่ไกล แต่รถไฟวิ่งช้ามากกก~ เหมือนเป็นรถไฟสายท่องเที่ยวเลยวิ่งช้าๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวสองข้างทาง (มั้ง)
รถไฟมาทุกๆ 1 ชั่วโมง ดังนั้นเช็คตารางรถไฟให้ดี พวกเราพลาดรถไฟเที่ยวขากลับ แบบรถออกไปต่อหน้าต่อตา (ขออภัยเพื่อนๆ อีกครั้ง ที่ดิฉันมัวแต่ขาสั่นตอนเดินลง) จะรออีก 1 ชั่วโมงก็กลับไปไม่ทันเช็คเอาท์ เลยตัดสินใจเรียก Grab กันค่ะ
สำหรับคนที่รีบและอยากประหยัด (ถ้ามามากกว่า 3 คนขึ้นไป) แนะนำให้เรียก Grab เลย ทั้งเร็วและถูก เรากับเพื่อนรวมกัน 4 คนนั่งจากถ้ำบาตูกลับมาที่โรงแรมตรงสถานี Masjid Jamek ตกคนละ 5 RM ถูกกว่าและเร็วกว่ารถไฟมากๆ
สรุปค่าใช้จ่าย
ทริป 4 วัน 3 คืนใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 9,000 บาทค่ะ แบ่งเป็นดังนี้ค่ะ
- ค่าเครื่องบินไปกลับสายการบิน Air Asia 3,839 บาท
- ค่าที่พัก 3 คืนรวมภาษีนักท่องเที่ยวประมาณ 1,500 บาท
- ค่าสวนสนุก 2 ที่และกระเช้าลอยฟ้าไปกลับ 1,480 บาท
- ค่าเดินทางรถบัส รถไฟ KL Travel Pass รวมประมาณ 1,000 บาท
- ค่าอาหาร 4 วัน ประมาณ 1,100 บาท
หากคุณกำลังจะไปเที่ยวที่มาเลเซียล่ะก็ ขอให้เดินทางปลอดภัยและเป็นทริปที่สนุกสนานนะคะ แล้วเจอกันทริปหน้า 😊