#TheatreClub เรื่องที่ 42
Mortal Engines (2018) เป็นเรื่องราวของโลกในอนาคตที่วัฒนธรรมของมนุษยชาติล่มสลายจากอาวุธนิวเคลียร์ พื้นดินแห้งแล้ง ไร้ต้นไม้และสัตว์ มนุษย์ที่เหลือรอดต้องอาศัยอยู่บนเครื่องจักรยักษ์เคลื่อนที่ได้เหมือนรถ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นเมืองหนึ่งเมืองบนเครื่องจักรเลย
เฮสเตอร์ ชอว์ (Hera Hilmar) สาวเร่ร่อนปริศนาซึ่งมีแผลเป็นบนใบหน้าสวยคมเข้ม ลักลอบขึ้นมาบนรถจักรเมืองลอนดอน เพื่อลอบสังหาร แธดเดียส วาเลนไทน์ (Hugo Weaving) ผู้ปกครองระดับสูงแห่งเมืองลอนดอน
ทอม แนตส์เวิร์ธที (Robert Sheehan) นักประวัติศาสตร์และอดีตนักเรียนนักบินแห่งนครลอนดอนได้เข้ามาขัดขวางการลอบสังหาร ทำให้วาเลนไทน์รอดมาได้ แต่ทอมกับเฮสเตอร์กลับตกรถเครื่องจักรลอนดอน ทำให้ต้องเร่ร่อนผจญภัยไปในดินแดนรกร้าง
ระหว่างนั้นวาเลนไทน์ก็มีแผนร้าย คิดจะกำจัดอาณานิคมอื่นๆ โดยใช้อาวุธสงครามโบราณที่ทำให้โลกล่มสลายในยุคก่อน ซึ่งก็คือระเบิดนิวเคลียร์นั้นเอง คนที่จะหยุดยั้งแผนการร้ายนี้ได้ก็มีแต่เฮสเตอร์ ที่พกกุญแจปลดคำสั่งอาวุธโบราณนี้ไว้เป็นของดูต่างหน้าจากแม่
ยังมีกลุ่มชาวอิสระแห่งนครท้องฟ้า ที่ขับเครื่องบินร่อนเร่ไปทั่วคอยช่วยเหลือในการยับยั้งแผนคลั่งล้างโลกนี้ นำทีมโดย แอนนา แฟง (Jihae) สาวเอเชียผู้มีค่าหัวสูงที่สุดในโลกที่รัฐบาลลอนดอนต้องการตัว และมีแคทเธอรีน วาเลนไทน์ (Leila George) ลูกสาวของแธดเดียสที่ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าล้างชนชาติอื่น จึงพยายามจะหยุดยั้งพ่อของเธอ
ตอนเห็นชื่อเรื่องก็ว่าคุ้นๆ หนัง Mortal Engines มาจากนวนิยายขายดีชื่อเรื่องเดียวกัน Mortal Engines ซึ่งมี 4 เล่มจบ เขียนโดย Philip Reeve แน่นอนว่าหนังแค่ 2 ชั่วโมงไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวจากปลายปากการวมกว่า 1,500 หน้าได้อย่างละเอียด แต่หนังก็เก็บเนื้อเรื่องสำคัญมาได้อย่างครบถ้วน
ส่วนตัวชอบไอเดียของหนังสือมาก เรื่องของโลกที่เคยเจริญจนถึงขีดสุด แล้วต้องล่มสลายกลับสู่ยุคล่าอาณานิคมเพราะฝีมือของมนุษย์เอง โลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ในที่นี้คือเมืองใหญ่กินเมืองเล็ก แบบกินจริงๆ เพื่อเอาเชื้อเพลิงมาใช้ให้อยู่รอดไปวันๆ
โลกเป็นไปตามกฏ Survival of the fittest หรือผู้ที่ปรับตัวเก่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดของชาลส์ ดาร์วิน เฮสเตอร์ต้องยอมกินน้ำจากบ่อโคลนเพื่อประทังชีวิต หรือ ชไรค์ (Stephen Lang) เครื่องจักรมนุษย์ แบบคนเหล็กที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ปกติมาก่อน แต่เปลี่ยนตัวเองให้เป็นหุ่นยนต์เพราะโลกมันโหดร้ายเหลือเกิน
อีกอย่างที่ชอบคือความอาร์ตของเรื่องนี้ ทั้งคอสตูม ฉาก คาแรคเตอร์ของตัวละคร แบบดูปุ๊บรู้เลยว่ามันมาจากหนังสือแน่นอน ใส่จินตนาการไปเต็มที่ ฉากอลังทั้งเมืองเคลื่อนที่ และเมืองลอยฟ้า คอสตูม เมคอัพ เข้ากับคาแรคเตอร์ ทำให้หนังดูน่าสนใจขึ้นมาทันที โดยเฉพาะตัวนางเอกเฮสเตอร์ และแอนนา แฟง
น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ ไม่มีจุดพีค เราไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนเลยไม่รู้ว่าเพราะหนังข้ามรายละเอียดในหนังสือมากไปจนไม่สนุกเหมือน Persy Jackson หรือเปล่า (ซึ่งของเพอร์ซี่นี่เสียดายแบบสุดๆ) จริงๆ มีคาแรคเตอร์หลายตัวที่น่าสนใจ อย่าง เบวิส พอด (Ronan Raftery) กิ๊กแคทเธอรีน, กัปตันโคร่า (Regé-Jean Page) กิ๊กแอนนา รวมถึงเมือง Shield Wall แต่ด้วยความที่หนังจำกัดเวลา เลยเล่าอะไรไม่ได้มาก
สุดท้ายชอบข้อคิดที่แฝงไว้กับหนัง เรียบง่ายแต่จริง หากเรายังไม่หยุดทำลายโลก หรือจ้องจะใช้อาวุธ เทคโนโลยีทำร้ายกันเอง สักวันโลกเราอาจกลับสู่ยุคมืดเหมือนในหนังก็ได้ แล้วชนรุ่นลูกรุ่นหลานเหลนโหลน อาจจะมาตั้งคำถามเหมือนที่แคทเธอรีนสงสัยว่า
“ทำไมชาวโบราณ… ทั้งๆ ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยขนาดนั้นกลับทำเรื่องโง่ๆ จนโลกล่มสลาย กลายเป็นแบบนี้ได้นะ?”
– Mortal Engine (2018)