#TheatreClub เรื่องที่ 46
“จากเด็กสาวเป็นทหาร จากทหารเป็นขุนศึก จากขุนศึกได้กลายเป็นตำนาน”
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี มู่หลานยังคงเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์คนโปรดของซิส สาวน้อยผู้ ‘ขโมยชุดเกราะของพ่อและหนีออกจากบ้าน แฝงตัวเป็นทหารหนุ่ม หลอกให้นายกองหลงเชื่อ ทำความเสื่อมเสียแก่กองทัพจีน ทำลายพระราชวังของข้าและ… ได้ช่วยชีวิตพวกเราทุกคน’ นี่คือคำพูดที่ฮ่องเต้พูดกับมู่หลานก่อนจะโค้งคำนับในมู่หลาน (1998) เวอร์ชั่นการ์ตูน
แล้วมู่หลาน (2020) เวอร์ชั่นคนแสดงล่ะ? ขอสรุปสั้นๆ ว่า “หงิกง้องแง้ง แต่ก็ชอบนะ ฮ่าๆ”
หงิกง้องแง้งคืออะไร… ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนดูมันหงิกไปหมด นิ้วมือนิ้วเท้าจะเป็นตะคริวแล้วค่า นึกถึงตอนดูคู่ ‘ไคโรเรน’ ในหนังสตาร์วอร์สอะ ดูไปบ่นไป ทำไมบทเป็นงี้ แต่ปากก็ยิ้มจนปวดแก้ม นี่ฉันชอบอะไรที่มัน cheesy (หวานเลี่ยน) สินะ!
เส้นเรื่องหลักยังคงเหมือนเดิม บอริข่าน จอมทัพฝ่ายศัตรูได้ยกทัพมาบุกอาณาจักรจีน หมายมั่นจะสังหารองค์จักรพรรดิและยึดครองประเทศ จักรพรรดิจึงออกคำสั่งให้ทุกครอบครัวส่งตัวแทนชายมาเข้าร่วมสงคราม ครอบครัวของมู่หลานก็เช่นกัน แต่ผู้ชายในบ้านของเธอมีเพียงพ่อผู้แก่ชราและเดินกะเผลกจากการรบเพื่อชาติครั้งก่อน มู่หลานไม่สามารถทนเห็นพ่อไปต่อสู้ในสภาพนั้นได้ จึงปลอมตัวเป็นชายและเข้าร่วมสงครามแทน
ไม่ถูกใจแฟนการ์ตูน แต่ถูกใจชาวจีน
ถึงเส้นเรื่องหลักจะเหมือนเดิม แต่มีรายละเอียดแตกต่างจากฉบับการ์ตูนเยอะเหมือนกัน ที่จริงต้องบอกว่าถูกปรับให้ตรงกับ ‘ลำนำแห่งมู่หลาน’ ต้นฉบับตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 มากขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรแตกต่างจากการ์ตูนบ้าง แล้วทำไมคนจีนถึงชอบฉบับคนแสดงมากกว่า
จากเทพมังกรตัวป่วน ‘มูชู’ สู่นกฟินิกซ์ที่สง่างาม
มูชูเป็นสีสันสำคัญที่เติมความสนุกในการ์ตูนมู่หลาน แต่มังกรแดงจอมบ๊องนี้ดันไม่ถูกใจชาวจีน เนื่องจากมังกรถือเป็นสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ แต่เจ้ามูชูกลับเป็นมังกรซุ่มซ่าม ไปปลุกมังกรหินก็ทำรูปปั้นเขาพังไม่เหลือชิ้นดี ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ให้คนอื่นเห็นนอกจากมู่หลาน ดูไม่สมเกียรติสัตว์เทพผู้ยิ่งใหญ่เลย บทนี้จึงถูกตัดออกแล้วแทนที่ด้วยนกฟินิกซ์ที่สง่างามแทน (ดูไปดูมานึกถึงนกฟินิกซ์ของดัมเบิลดอร์เหมือนกันนะ)
ไม่มี ‘ท่านนายกองหลี่ชาง’ แต่ ‘พลทหารหงฮุย’ ก็เลิศนะ
เวอร์ชั่นนี้ไม่มีท่านนายกองหลี่ชาง คนรักของมู่หลานในฉบับการ์ตูน มีแต่ท่านแม่ทัพถัง ที่แสดงโดยดอนนี่ เยน (Donnie Yen) หรือปรมาจารย์ยิปมัน ซึ่งอายุรุ่นราวคราวพ่อของมู่หลานแล้ว ทีแรกเลยคิดว่าไม่มีพระเอก คงเน้นมิตรภาพในหมู่กองทหารล่ะมั้ง
ไปๆ มาๆ ทำไมพลทหารหงฮุยชอบทำตาหวานเยิ้มมาทางมู่หลานจัง สาวน้อยของเราก็ชอบส่งสายตาไปหาเขาบ่อยเหลือเกิน โอ้ย ฉันเขิน! ได้แต่คิดว่า ‘ต้องได้นะ ไม่ได้ไม่ยอมนะ’ 😂 นี่แหละที่ทำให้ดูไปบ่นไป เพราะบทมัน cheesy อะ จนหมดมู้ดความกล้าหาญ ฮึกเหิมแบบในการ์ตูน แต่ก็อดยิ้มแก้มแตกเพราะหงฮุยไม่ได้ เป็นผู้ชายที่มีสเน่ห์มากจริงๆ กล้องโคลสอัพทีไร ซิสต้องเผลอหลบตาออกจากจอเพราะเขินเขา (เป็นเอามาก 🥰)
ใดๆ คือ หลังดูหนังจบ ยังไม่ทันหายหงิก ไปอ่าน Wikipedia ตรงช่องแนะนำตัวละครหงฮุยเขียนว่า ‘เป็นคู่ปรับมู่หลาน ต่อมาเป็นเพื่อนร่วมรบและร่วมรัก’ ใคร! ใครเขียนสารภาพมาซะดีๆ! แค่นี้ซิสก็หงิกง้องแง้ง เขินแก้มแตกแล้ว ☺️
ส่วนสาเหตุที่ถอดบทนายกองหลี่ชาง เจสัน รี้ด (Jason Reed) ผู้อำนวยการสร้างกล่าวว่า เพราะกระแส #metoo ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของเจ้านาย-ลูกน้องเป็นเรื่องไม่เหมาะสม จึงป้องกันความอึดอัดใจในประเด็นนี้ โดยแยกตัวละครนายกองหลี่ออกเป็น 2 ตัวละครใหม่คือ แม่ทัพถัง ซึ่งเปรียบเสมือนอาจารย์ของมู่หลาน กับพลทหารหงฮุย ทหารยศเดียวกันซึ่งเป็นสหายคู่คิดของมู่หลานแทน
คิดว่าน่าจะโดนถอดเพราะนายกองหลี่ชางถูกมองว่าเป็นตัวแทนไบเซ็กชวลด้วย เพราะดูมีใจให้กับมู่หลานตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง แล้วอย่างที่รู้กันว่ารัฐบาลจีนแบน LGBTQ อย่างเข้มงวดมาก จึงน่าจะตัดออกเพื่อป้องกันดราม่าจากฝั่งจีน
มู่หลานเก่งวิทยายุทธ์มาตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมกองทัพ
ฉากฝึกซ้อมรบพร้อมกับเพลงติดหู ‘จะสร้างนาย… เป็นชายแท้!’ ในการ์ตูน ถือเป็นซีนที่ดีที่สุดซีนหนึ่งตลอดกาล ได้เห็นพัฒนาการของเหล่าพลทหาร มู่หลานปีนเสาไปเก็บธนู จากสาวน้อยที่สู้ไม่เป็นกลายเป็นยอดนักรบด้วยการฝึกของนายกองหลี่ชาง
แต่ซีนเด่นในใจเราดันไม่ถูกใจชาวจีน เพราะตามลำนำดั้งเดิมแล้ว มู่หลานเก่งวิทยายุทธ์มาตั้งแต่เด็กและไม่มีตัวละครนายกองหลี่ชางด้วย ดังนั้นเวอร์ชั่นนี้จึงเป็นไปตามลำนำดั้งเดิม มู่หลานมีฝีมือการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก แต่ต้องปกปิดฝีมือเพราะเป็นสตรีในยุคที่นักรบต้องเป็นบุรุษเท่านั้น
จากนกอินทรีคู่ใจตัวร้าย สู่นางแม่มด ‘เซียนเหนียง’
ฉางหยู หัวหน้าตัวร้ายฉบับการ์ตูนจะมีนกอินทรีคู่ใจที่คอยเป็นตาบนท้องฟ้าให้ ซึ่งเป็นนกธรรมดาที่ตอนสุดท้ายถูกย่างเกรียมเป็นไก่ย่างห้าดาว
ในฉบับหนัง บอริข่านก็มีนกคู่ใจ แต่นกตัวนั้นคือ แม่มดเซียนเหนียง หญิงสาวที่มีพลังลมปราณแกร่งกล้าเหมือนกับมู่หลาน แต่ในยุคนั้นผู้มีพลังลมปราณจะเป็นนักรบ และนักรบมีได้แค่บุรุษเท่านั้น ส่วนสตรีจะถูกหาว่าเป็นแม่มดและถูกขับไล่ เซียนเหนียงจึงเข้าร่วมกับบอริข่านเพื่อล้างแค้นแผ่นดินจีน
เธอคือเส้นทางที่ตรงกันข้ามกับมู่หลาน มู่หลานเลือกที่จะเปลี่ยนความคิดผู้คนจากภายใน แม้ถูกขับไล่เพราะเป็นสตรีก็ยังภักดีต่อชาติ ที่จริงแอบเชียร์ให้มู่หลานไปกับเซียนเหนียงนะ ทำไมต้องภักดี พิสูจน์ตัวเองกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าเธอด้วย! ขอโทษที่ร้าย 😂
หงิกง่องแง่ง แต่ฉันก็ชอบนะ
หากถามว่าสิ่งที่เวอร์ชั่นหนังทำได้ดีกว่าการ์ตูนคืออะไร? ขอตอบดังๆ ว่า cheesy ค่ะ! เธอเก่งมาก ทำให้ฉันหงิกงอไปทั้งตัว เท้าจิกพรมมือจิกหมอนจนจะขาดแล้ว นั่งดูอยู่คนเดียว ต้องหันไปตีตุ๊กตาที่อยู่ข้างๆ ฮ่าๆ
หนังครึ่งแรกสนุกมาก ให้อารมณ์ฮึกเหิมเหมือนในการ์ตูนเลย แต่ช่วงครึ่งหลัง ตั้งแต่ซีนรบกลางภูเขาหิมะเป็นต้นมา มันหงิกไปหมด ไม่ได้หงิกแค่ซีนจ้องตาพระนางอย่างเดียว พวกบทพูด คิวบู๊ของนางเอกก็ทำเราหงิกง้องแง้ง พีคสุดคือซีนสยายปีกนกฟินิกซ์ มาแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงกับหลุดพรืดน้ำลายกระเด็นเต็มจอ 😂 มันไม่แย่ แต่มัน cheesy อะ!
ภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และกตัญญู นำศักดิ์ศรีให้วงศ์ตระกูล
ในทีแรกคุณธรรมของนักรบมีทั้งหมด 3 ข้อ ซึ่งมู่หลานได้พิสูจน์แล้วว่าสตรีเองก็มีคุณสมบัติของนักรบเฉกเช่นบุรุษ ‘ความกล้าหาญ’ ที่จะออกไปรบในสงคราม ‘ความภักดี’ ที่ถึงแม้จะถูกพวกเดียวกันขับไล่ และศัตรูยื่นมือมาให้ มู่หลานยังยึดมั่นในองค์จักรพรรดิและเลือกปกป้องแผ่นดินจีน ‘ความซื่อสัตย์’ ที่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างผ่าเผย และพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น
ในตอนสุดท้าย องค์จักรพรรดิก็ได้เพิ่มคุณธรรมอีกข้อเพราะมู่หลานโดยเฉพาะ ‘ความกตัญญู’ ที่ยอมหกขนบธรรมเนียมประเพณีเพื่อมารบแทนพ่อผู้แก่ชรา นำศักดิ์ศรีมาสู่วงศ์ตระกูล
หนังเรื่องเดิม เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกก็ไม่เหมือนเดิม
ความสนุกของการดูหนังรีเมคอย่างมู่หลานคือ ดูเนื้อเรื่องเดิม ฉากเดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม
บางฉากที่เคยดูแล้วสนุก ฮึกเหิม เหมือนได้พลังบางอย่าง พอมาดูวันนี้ในวัย 26 ปี กลับรู้สึกว่าทำไมเศร้าขนาดนี้ เดิมทีซีนที่มู่หลานตัดสินใจตัดผม หนีออกจากบ้านไปรบแทนพ่อ เคยรู้สึกว่าเท่อะ รู้สึกถึงความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ กลับมาดูซีนเดิมวันนี้ น้ำตาคลอเบ้า บีบคั้นหัวใจ นึกถึงใจมู่หลานและพ่อแม่ คงกลัวมากกว่าสินะ เพราะเธออาจไม่มีโอกาสกลับมาบ้านอีกแล้วก็ได้ ยิ่งแก่ยิ่งอ่อนไหวสินะ 🥺
ฉากที่เคยดูแล้วตลกโปกฮาอย่างความอลม่านระหว่างแม่สื่อกับจิ้งหรีดนำโชค ซึ่งในหนังเป็นแม่สื่อกับแมงมุม วันนี้กลับดูแล้วอึดอัดมากกว่า อึดอัดในขนบธรรมเนียมโบราณที่ผู้หญิงนำศักดิ์ศรีมาให้ครอบครัวได้ด้วยการแต่งงานเท่านั้น
สรุปแล้ว ถ้าคุณชอบหนังแนวหงิก ดูไปสควีซตุ๊กตาไป พระเอกนัยน์ตาชวนฝัน นางเอกผมสลวยเป็นเงางาม มู่หลาน (2020) จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง (ส่วนเรื่องอื่นปล่อยวางนะ ทำหัวโล่งๆ แล้วค่อยดู 😂)