#ReadersGarden เล่มที่ 42
“เพียงตื่นเช้าขึ้น ก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่”
สิ่งเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นวันละนิดจนกลายเป็นโอกาสใหญ่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตื่นเช้าขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อฉันลองตื่นก่อนโลก (나의 하루는 4시 30분에 시작된다 ) เป็นเรื่องราวของคุณทนายคิมยูจิน (김유진) ยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีใต้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนมากมายได้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม โดยเริ่มต้นจากการตื่นเช้าขึ้น
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับนักเขียนคนเก่งของเรากันค่ะ
คุณคิมยูจินเกิดที่ประเทศเกาหลีใต้ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ถูกเลี้ยงมาดั่งเจ้าหญิง ได้รับความรักจากพ่อแม่ เธอย้ายไปเรียนที่นิวซีแลนด์ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาและจบปริญญาโทจากอเมริกา สอบผ่านใบอนุญาตทนายความของที่นั่นถึง 2 รัฐ เข้าทำงานในบริษัทกฎหมายชั้นนำที่เกาหลีใต้ ปัจจุบันเป็นทั้งทนายมากฝีมือ ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 200,000 คน และเป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือขายดีเล่มนี้
หากมองเพียงผลลัพธ์ ชีวิตของคุณยูจินดูสวยงามราวกับความฝัน ทั้งเก่ง ทั้งโชคดีที่มีต้นทุนดีกว่าคนทั่วไป แต่หลังจากอ่านเรื่องราวของเธอจบแล้ว เราว่าสิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่ความเก่งหรือโชคอย่างเดียว แต่เป็นความพยายาม ล้มแล้วลุก ไม่ยอมแพ้ของเธอ มาดูกันว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ คุณยูจินผ่านอะไรมาบ้าง
- เธอเคยถูกเพื่อนร่วมชั้นที่นิวซีแลนด์เหยียดเชื้อชาติจนหมดความมั่นใจ
- เธอต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตั้งแต่ยังเด็ก เพราะงานของพ่อแม่ทำให้ไม่ได้อยู่กับเธอ
- เธอเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานเร็วกว่าเพื่อนๆ แต่ล้มเหลวในการเก็บเงิน
- เธอเคยสอบตกใบอนุญาตทนายความและร้องไห้ออกมากลางที่ฝึกงาน
- เธอถูกเพื่อนร่วมงานต่อว่าบ่อยๆ เพราะความต่างทางวัฒนธรรม
- เธอเคยระเบิดลงในที่ทำงาน พรั่งพรูความโกรธที่กักเก็บไว้จนถูกหัวหน้าเรียกตำหนิ
คุณยูจินเองก็เป็นคนทั่วไปที่เจอปัญหาในวัยเรียนและวัยทำงาน ได้สัมผัสความล้มเหลว ผิดหวัง เหนื่อยล้า โมโห แต่เธอก็ก้าวข้ามอุปสรรคทางจิตใจมาได้ด้วยการตื่นตีสี่
หากแปลชื่อหนังสือเล่มนี้แบบตรงตัวจะมีความหมายว่า ‘วันของฉันเริ่มตอนตีสี่ครึ่ง’ ซึ่งเป็นเวลาที่เปลี่ยนชีวิตคุณยูจินจริงๆ การได้มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้นในตอนเช้า นอกจากจะช่วยเยียวยาจิตใจที่อ่อนล้า ยังนำพาโอกาสล้ำค่ามากมายมาสู่ชีวิต
บางคนอาจตกใจว่าการตื่นตีสี่เป็นการฝืนตัวเองเกินไปหรือเปล่า คุณยูจินอยากให้โฟกัสที่จำนวนชั่วโมงนอนและความสม่ำเสมอมากกว่าค่ะ เธอตื่นเช้ามืดก็จริง แต่เธอนอนครบ 5-7 ชั่วโมง พยายามเข้านอนและตื่นในเวลาเดิมเพื่อให้นาฬิกาชีวิตสมดุล
เปลี่ยนเป็นคนใหม่ เมื่อตื่นตอนตีสี่ครึ่ง
ก่อนหน้านี้คุณยูจินก็เคยใช้ชีวิตเหมือนกับคนทั่วไป เธอตื่นตามพระอาทิตย์ขึ้น รีบเร่งไปทำงาน ทำงาน บังคับตัวเองไปฟิตเนสหลังเลิกงาน เข้านอน ในวันหยุดก็ปล่อยให้เวลาผ่านไป ส่องโซเชียลมีเดียของเพื่อนๆ อ่านข่าวดารา ใช้เวลาพักผ่อนให้มากที่สุด เพราะวันจันทร์ก็ต้องออกวิ่งอีกแล้ว
กลับกลายเป็นไม่ว่าจะพักเท่าไหร่ พลังงานกลับไม่เพิ่มขึ้นเลย แถมยิ่งเหนื่อยล้า ห่อเหี่ยวลง และไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งความคิดแง่ลบที่สั่งสมไว้ระเบิดออกมา ตอนนั้นเธอคิดว่ามีทางเลือกเดียวคือ ‘ลาออก’
จนวันหนึ่งคุณยูจินตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ ตื่นเช้ากว่าปกติสองชั่วโมง เช้าวันนั้นเธอไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการนั่งดื่มชาอุ่นๆ สัมผัสกับความเงียบสงบ จัดระเบียบความคิด ระบายความไม่สบายใจอย่างตรงไปตรงมา เขียนสาเหตุ วิธีแก้และสรุปออกมาง่ายๆ บนกระดาษ ปิดท้ายเช้าสุขสงบด้วยการมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นและตะโกนในใจว่า “วันนี้ก็สู้ๆ นะ!”
เธอนอนน้อยกว่าเดิมแต่กลับสดชื่นกว่าปกติ เวลาที่เธอได้เพิ่มมาทำให้เธอไม่ต้องเร่งรีบ และออกไปทำงานด้วยหัวใจที่เบาสบาย
วันต่อๆ มาคุณยูจินก็ตื่นตีสี่ครึ่งเช่นเดิม ใช้เวลากับตัวเอง ดูแลร่างกายและจิตใจ ซึมซับพลังแห่งความเงียบจากช่วงเช้ามืด จนกลายมาเป็นตัวเธอในแบบฉบับที่ดีกว่าเดิม
ตื่นเช้ามาทำอะไรดี?
ช่วงเช้ามืดเป็นเวลาโบนัสที่เราได้เพิ่มมา สามารถทำอะไรก็ได้ที่สบายใจโดยต้องหวังผลตอบแทน เช่น อ่านหนังสือที่ชอบ, ออกกำลังกาย, งานอดิเรก, จัดการงานที่คั่งค้าง, ดูแลตัวเอง, หรือนั่งพักผ่อนเฉยๆ เป็นต้น
เวลาโบนัสจากช่วงเช้ามืดนี่เองที่นำพาโอกาสมากมายมาให้คุณยูจิน เช่น เธอใช้เวลาช่วงเช้ามืดส่งอีเมลถึงเหล่าคนดังในวงการทนายความเพื่อพูดคุย เพราะเช้ามืดเป็นเวลาที่ได้เพิ่มมา ไม่มีผลกระทบต่อชีวิตระหว่างวัน เธอจึงไม่คิดมากหากไม่มีการตอบกลับ ถือว่าได้ลองทำแล้ว ไม่เสียหายอะไร
ปรากฎว่าคุณยูจินได้รับการตอบรับจากบางคน บางคนได้ทำความรู้จักทางอีเมล บางคนก็เชิญเธอมาทานอาหารเช้าด้วยกัน ได้รับคำแนะนำที่มีค่าและสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวงการที่เป็นชาวตื่นก่อนพระอาทิตย์เหมือนกับเธอ
เธอยังใช้ช่วงเวลาโบนัสนี้ในการสร้างช่อง YouTube แชร์วิดีโอเกี่ยวกับชีวิตทนายและชีวิตประจำวันในช่วงเช้ามืด แม้เสียงตอบรับช่วงแรกจะยังไม่ดี แต่เธอมองว่าเช้ามืดเป็นเวลาโบนัส ทำเพื่อความสนุกมากกว่าเน้นผลลัพธ์ จึงทำได้อย่างต่อเนื่องและพัฒนาไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นยูทูบเบอร์ทนายที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย รวมถึงนำพาสปอนเซอร์โฆษณา ออกรายการทีวี เขียนหนังสือ และเชื่อมต่อกับผู้ติดตามของเธอ
เธอสร้างโอกาสทั้งหมดด้วยตัวเองจากการตื่นเช้ามืด วางแผนและลงมือทำ
Daily Planner แค่วางแผน ชีวิตก็ดีขึ้น
สิ่งที่ชอบที่สุดในเล่มนี้คือ Daily Planner ของคุณยูจิน เป็นเทมเพลตที่ครบเครื่องและใช้ง่ายมาก ได้ทั้งวางแผน เป็นไดอารี บันทึกสิ่งที่ทำในแต่ละวัน ความคิดของวันนี้ เมื่อกลับมาย้อนดูจะได้เห็นว่าเราเติบโตขึ้นขนาดไหน
ตื่นเช้ามืดนอนเร็ว vs. นอนดึกตื่นสาย
ระหว่างใช้เวลาเพิ่มขึ้นช่วงเช้ามืดกับใช้เวลาเพิ่มขึ้นในตอนกลางคืน ควรเลือกแบบไหนดี?
จากหนังสือ The Power of When ผู้เขียน ดอกเตอร์ไมเคิล บรูส (Michael Breus) กล่าวว่าคนเรามีนาฬิกาชีวิต (Chronotype) ที่แตกต่างกันตามบุคลิก ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท
✦ Bear : ชาวหมีผู้ใช้ชีวิตตามดวงอาทิตย์ มีพลังมากที่สุดในช่วงเช้า เริ่มอ่อนเพลียในช่วงบ่าย หมดแรงในตอนกลางคืน ตื่นและเข้านอนตามเวลาปกติคือ เจ็ดโมง – ห้าทุ่ม
✦ Wolf : ชาวหมาป่ากลางคืนที่มีพลังมากที่สุดเมื่อพระจันทร์ขึ้น ยิ่งดึกยิ่งคึก ประชุมเช้าไม่ค่อยไหว ขอเป็นบ่ายๆ แทนได้มั้ย?
✦ Dolphin : ชาวโลมามีพลังมากที่สุดในช่วงบ่ายถึงหัวค่ำ เป็นกลุ่มที่อ่อนไหวกับการนอน หลับยาก ตื่นง่าย
✦ Lion : ชาวราชสีห์ผู้นำของสัตว์ป่าทั้งปวง คนกลุ่มนี้มักเป็นผู้นำ มีพลังทั้งวันทั้งคืน หัวแล่นได้ตั้งแต่เช้ายันดึก นอนน้อยก็ยังไหว
ที่ทำงานซิสฮิตทำแบบทดสอบ Chronotype กันมาก ซึ่งตรงกับบุคลิกการทำงานของแต่ละคนจริงๆ ค่ะ สามารถอ่านเรื่อง Chronotype เพิ่มเติมได้ที่นี่
กลับมาที่ตื่นเช้ามืดนอนเร็ว vs. นอนดึกตื่นสาย อันไหนดีกว่ากัน? คำตอบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับนาฬิกาชีวิตของแต่ละคนค่ะ
แต่ซิสขอรีวิวสั้นๆ ในฐานะชาวหมาป่ากลางคืนที่เพิ่งเปลี่ยนมานอนเร็วตื่นเช้ามืด มันดีกว่านอนดึกตื่นสายยังไงบ้าง
ซิสเป็นชาวหมาป่าที่แท้ทรูมาตั้งแต่เด็ก ชอบอ่านหนังสือโต้รุ่ง หลับคาบเช้า ทำงานตอนกลางคืนเร็วกว่าตอนกลางวัน 2-3 เท่า ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดีจนถึงวัยทำงาน มันเริ่มเหนื่อยสะสมเพราะเราต้องทุ่มพลังเต็มที่ทั้งการทำงานในตอนกลางวัน และการเรียน, งานอดิเรกและพักผ่อนในตอนกลางคืน (พักผ่อนอย่างดูหนัง อ่านการ์ตูนก็ต้องใช้พลังเหมือนกันนะ ฮ่าๆ)
ถึงจุดหนึ่งชีวิตก็เหมือนที่คุณยูจินบรรยายไว้ว่า “แค่อดทนให้แต่ละวันผ่านไปก็พอใจแล้ว ความคิดแง่ลบบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก ฉันกังวลในเรื่องไร้สาระ เหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆ เสาะหาของบำรุงร่างกายมากินทุกอย่างแต่ก็ยังเหนื่อยอยู่บ่อยๆ”
ความอ่อนเพลียทำให้วันหนึ่งซิสเข้านอนเร็วกว่าปกติและตื่นเองตอนตีห้า (จากปกตินอนตีสอง ตื่นแปดโมง) ความรู้สึกเหมือนกับที่คุณยูจินบอกไว้ พระอาทิตย์ยังหลับไหล ทำให้เราได้สัมผัสความสุขสงบช่วงเช้ามืด เวลาเพิ่มมาทำให้เราไม่ต้องเร่งรีบอาบน้ำไปทำงาน เราได้ใช้เลือกอาหารเช้าอร่อยๆ และทานอย่างละเมียดลไม ค่อยๆ เลือกเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผมแบบที่ชอบ เริ่มต้นวันอย่างสงบทำให้จิตใจเบาสบายไปทั้งวัน
ซื้อหนังสือสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อฉันลองตื่นก่อนโลก : นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
สำหรับซิส เวลาโบนัสช่วงเช้ามืดต่างกับเวลาโบนัสช่วงดึกที่ ‘ช่วงเช้าโลว์ไลฟ์ ช่วงดึกเร่งรีบ’ เพราะเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานตอนกลางวัน แต่มีเรื่องมากมายที่อยากทำก่อนจบวัน เราเลยรีบทำไปหมด รีบดูหนัง รีบเรียนบทนี้ให้จบ รีบเขียนบทความนี้ให้เสร็จ เพราะถ้าเสร็จเร็วขึ้น เราจะได้เข้านอนเร็วขึ้น ในขณะที่เราค่อยๆ ใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าในตอนเช้าได้ เพราะได้พักผ่อนมาแล้วและเพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวัน จึงไม่รู้สึกรีบร้อน
การตื่นเช้ามืดอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน ขึ้นอยู่กับนาฬิกาชีวิตและปัจจัยรอบข้าง เช่น เวลาทำงานของแต่ละคนค่ะ เพียงแต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่คุณรู้สึกว่า การใช้ชีวิตตามนาฬิกาเวลาเดิมมันไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว รู้สึกเหนื่อยล้าสะสม ลองเปลี่ยนมาตื่นเช้าขึ้น 30 นาที – 1 ชั่วโมงเพื่อให้มีเวลามากขึ้นในช่วงเริ่มต้นวัน ได้ใช้ชีวิตช้าลง มีเวลาจัดระเบียบความคิดและปลอบโยนหัวใจตัวเองค่ะ