#TheatreClub เรื่องที่ 106
กางใบเรือแล้วออกผจญภัยกันเถอะ! 🏴☠️ ตอนที่ซีรีส์ One Piece Live Action Netflix (2023) กำลังจะปล่อยออกมา ซิสพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเริ่มต้นดูอนิเมะ One Piece เพราะมันยาวเกินว่า “ซีรีส์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดู One Piece นะ ดูเถอะ เราไม่อยากให้เธอพลาดหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของโลกใบนี้” (อวยฉ่ำ ฮ่าๆ)
แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจหลังจากดูซีรีส์จบ ถึงกับต้องรีบส่งข้อความไปบอกเพื่อนๆ ว่า “ลืมมันไปซะ! อย่าดูซีรีส์ ไปอ่านมังงะหรือดูอนิเมะแทนเถอะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องดูเลย”
ในฐานะแฟนการ์ตูน One Piece มากว่า 20 ปี ซิสไม่ผิดหวังกับซีรีส์นี้ แต่ไม่แนะนำอย่างแรงสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยดู/อ่านการ์ตูนมาก่อน หรืออย่างน้อยก็อย่าเพิ่งตัดสินว่าซีรีส์จะเหมือนกับการ์ตูน เพราะเลเวลความมันส์ต่างกันเยอะ
เรื่องย่อ One Piece Live Action (2023)
เมื่อ 20 ปีก่อน ราชาโจรสลัดโกลด์ ดี. โรเจอร์ถูกนำไปประหารชีวิตต่อหน้ามวลชน รัฐบาลโลกคิดว่าการประหารครั้งนี้จะเป็นการจบยุคสมัยโจรสลัดอันเลวร้าย กลายเป็นว่าคำสั่งเสียของโรเจอร์กลับก่อให้เกิดยุคสมัยโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาแทน เมื่อเขาประกาศก้องว่าเขาได้ซ่อนขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไว้ในท้องทะเลแห่งนี้ นั่นทำให้ผู้คนต่างออกทะเลเพื่อตามหาสมบัติของโรเจอร์ที่ถูกเรียกว่า One Piece
20 ปีต่อมา เด็กหนุ่มจากทะเลอีสต์บลู (East Blue) นามว่ามังกี้ ดี. ลูฟี่ เริ่มต้นการผจญภัยตามหา One Piece พร้อมกับตามหาพวกพ้องมาร่วมกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางของเขา ระหว่างทางลูฟี่ได้เจอกับโรโรโนอา โซโล นักล่าโจรสลัดผู้ใช้สามดาบ, นามิ แมวขโมยจอมเจ้าเล่ห์และต้นหนเรือเบอร์หนึ่ง, อุซป นักซุ่มยิงจอมโกหก และซันจิ ยอดกุ๊กที่เก่งศิลปะการต่อสู้
หลังจากต่อสู้ฝ่าฟันกับโจรสลัดกลุ่มอื่นๆ มาด้วยกัน ทั้งห้าคนก็ลงเรือโกอิ้งแมรี่เพื่อออกผจญภัยทำตามความฝันของตัวเองไปด้วยกัน
ย่อภาค East Blue เหลือเพียง 8 ตอนกับเสน่ห์ที่หายไป
นับถือทีมงานมากๆ ที่สามารถย่อภาคทะเลอีสต์บลู (East Blue) จากมังงะ 100 ตอน อนิเมะ 61 ตอน ให้เหลือเป็นซีรีส์เพียง 8 ตอนโดยเนื้อหาหลักยังครบถ้วน ซีนสำคัญ ประโยคเด็ด ตัวละครหลักและตัวประกอบ(ส่วนใหญ่)มาครบ
แต่ด้วยข้อจำกัดของจำนวนตอนทำให้เรื่องราวดำเนินไปไวซะจนเราไม่มีอารมณ์ร่วมเลย ส่งผลให้เสน่ห์ของ One Piece หายไปด้วย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของตัวประกอบ เช่น เจ้าหมาน้อยกับผู้ใหญ่บ้านเมืองออเรนจ์ที่ปกป้องเมืองจากกลุ่มโจรสลัดตัวตลกบากี้, บรรดาเชฟห้าวเป้งของภัตตาคารลอยทะเลบาราติเอ้, ชาวบ้านจากหมู่บ้านโคโคยาชิของนามิ เป็นต้น
ในอนิเมะตัวประกอบเหล่านี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมกับเรื่องราวมากยิ่งขึ้น ทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้ ซาบซึ้ง อบอุ่นใจไปด้วยกัน อย่างเช่น เรื่องราวของบรรดาเชฟคนอื่นๆ ที่ชอบทะเลาะกับซันจิและแกล้งโกหกว่าอาหารของซันจิไม่อร่อย เพื่อให้ซันจิยอมทิ้งภัตตาคารและออกทะเลไปทำตามความฝัน เรื่องราวเล็กๆ เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราร้องไห้สะอึกสะอื้นทุกครั้งที่ดูฉาก “ซันจิ ระวังอย่าให้เป็นหวัดล่ะ”
ดีใจที่ทีมงานใส่ตัวประกอบเหล่านี้มาในซีรีส์ แล้วใส่ใจรายละเอียดจริงๆ เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าใครเป็นใคร แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้มีบทบาทมาก เหมือนมาประกอบฉากเฉยๆ ให้แฟนๆ ว้าว ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเพราะจำนวนตอนมันจำกัด แต่มันทำให้เสน่ห์ของกลุ่มหมวกฟางลดลงไปเยอะเลย ความเป็นโจรสลัดที่ชาวบ้านรักและผูกพันมันหายไป
เอกลักษณ์ตัวละครที่ขาดหายไป
เสน่ห์ที่หายไปอีกหนึ่งอย่างในซีรีส์ One Piece คือเอกลักษณ์ของสมาชิกกลุ่มหมวกฟาง เช่น นักดาบจอมหลงทาง, กุ๊กหลงสาว, เล่ห์เหลี่ยมของนามิ, ความขี้ขลาดของอุซป ซึ่งยังแสดงออกอยู่บ้างแต่มันดรอปลงไปเยอะมากจนรู้สึกว่าเอกลักษณ์ของตัวละครหายไป
ในการ์ตูนถ้าเราพูดคำว่า ‘หลงทาง’ หน้าโซโลจะลอยมาทันที หรือถ้าพูดว่า ‘ขี้ขลาด’ ก็จะนึกถึงอุซปทันที แต่ในซีรีส์ เอกลักษณ์เหล่านี้ไม่ได้ทำให้เรานึกถึงตัวละครกลุ่มหมวกฟางเลย อย่างตอนซันจิจีบนามิหรือโนจิโกะ มันดูเป็นเลเวลหยอกล้อแบบคนทั่วไป ไม่ได้เกินเบอร์บ้าผู้หญิงแบบในการ์ตูน
นี่เป็นสิ่งที่ซิสรู้สึกสองจิตสองใจว่าจะชอบหรือไม่ชอบดี ใจหนึ่งคิดว่าทีมงานคงคิดมาดีแล้วว่าถ้าใส่บุคลิกเหล่านี้ชัดเกินไปตามการ์ตูน มันจะออกมาดูแปลกและแย่แทนหรือเปล่า แต่อีกใจก็คิดว่าเอกลักษณ์ของสมาชิกกลุ่มหมวกฟางหายไป
โดยเฉพาะความบ้าบอโชคช่วยของลูฟี่คือหายไปเลย ลูฟี่ในอนิเมะคือทำตามสัญชาตญาณและหัวใจเรียกร้องล้วนๆ แต่ลูฟี่เวอร์ชันซีรีส์ฉลาดซะงั้น อาจจะไม่ได้ฉลาดเว่อร์แต่ก็รู้จักวางแผน คิดเป็นเหตุเป็นผล เช่น ตอนโซโลนอนสลบเพราะบาดเจ็บจากการท้าสู้กับมิฮอว์ค ลูฟี่ฟังคำแนะนำจากคนอื่นและพยายามพูดสิ่งดีๆ เพื่อให้โซโลฟื้น แต่ในอนิเมะคุณพี่จะเอาเหล้ากรอกปากเขาอย่างเดียว บอกว่าโซโลชอบเหล้า ถ้าเหล้าเข้าปากเดี๋ยวก็ฟื้นเอง (ตำราแพทย์บ้านไหนฟร่ะ! ช้อปเปอร์กล่าว ฮ่าๆ)
ว่าด้วยเรื่องตัวละครอื่นๆ
ตัวละครอื่นๆ ที่ซิสชอบนอกจากกลุ่มหมวกฟาง
♡ กลุ่มโจรสลัดผมแดง ตอนแรกเฉยๆ แต่พอซีนต่อสู้กับโจรภูเขาเท่านั้นแหละ เท่สุดๆ ทีแรกดูฉากสู้ของพวกลูฟี่กับโซโลแล้วรู้สึกเฉยๆ นะ แต่พอเป็นซีนสู้ของกลุ่มแชงคส์กับสนุกซะงั้น ไม่รู้ว่าทีมงานจงใจทำให้เห็นความแตกต่างของโจรสลัดมือใหม่กับโจรสลัดรุ่นเก๋าหรือเปล่า
♡ บากี้ นี่บากี้หรือโจ๊กเกอร์ จากกัปตันตัวตลกติ๊งต๊องกลายเป็นตัวตลกโหดโรคจิตที่ชอบทรมานจิตใจคนอื่น ดูโหดเท่สมเป็นกัปตันกว่าในอนิเมะเยอะ แถมบทดีสมเป็นลูกรักตลอดกาลของอาจารย์โอดะ ผู้เขียน One Piece ฮ่าๆ
♡ มิฮอว์ค หล่อเท่ไม่ไหว ในอนิเมะเฉยๆ กับมิฮอว์คนะ แต่ในซีรีส์คือหลงหนักมาก มันเท่ไปหมด
♡ พลเรือโทมังกี้ ดี. การ์ป ปู่การ์ปเท่มาก ถอดแบบจากในการ์ตูนเด๊ะ แถมบทเด่นจนจะแซงหน้ากลุ่มหมวกฟางแล้ว
♡ โคบี้ โคบี้น่ารักมากๆ ผมชมพูตาสีฟ้ากลมโต แล้วชอบที่โคบี้มีความสามารถโดดเด่นมาตั้งแต่แรก
รายละเอียดที่เคารพต้นฉบับ
ส่วนที่ซิสชอบที่สุดในซีรีส์คือการเก็บรายละเอียดดีมาก ทั้งแคสต์ตัวละคร คอสตูม ฉาก CGI ท่าไม้ตาย ประโยคเด็ดจากมังงะ ดูแล้วรู้ทันทีว่าทีมงานทุ่มเทใส่ใจและพยายามจะเคารพต้นฉบับการ์ตูนให้มากที่สุด แม้บางอย่างจะทำตามการ์ตูนจนขัดใจ เช่น หอยทากสื่อสาร สมจริงเกิ๊นจนน้องไม่น่ารักเลย ฮ่าๆ และเมคอัพมนุษย์เงือกที่ดูแล้วขำมากกว่ากลัว แต่ก็รู้ว่าทีมงานทำตามต้นฉบับ เลยเกลียดไม่ลง 😂
รายละเอียดที่ชอบที่สุดคือตัวละครคายะ โผล่มาครั้งแรกทำเอาตกใจ คายะเป็นอะไรทำไมโทรมขนาดนั้น แล้วก็นึกได้ว่า เออว่ะ คายะป่วยใกล้ตายอยู่นี่หว่า ลืมไปเลยเพราะในการ์ตูนคายะสวยสดใสมาก แต่ในซีรีส์คือดูป่วยจริง โทรมจริง สมจริงสุดๆ
สรุปแล้วซิสประทับใจกับซีรีส์ One Piece มากๆ นะ โดยเฉพาะการเก็บรายละเอียดที่เคารพต้นฉบับ ยิ่งได้ดูคลิป behind-the-scene เห็นเบื้องหลังความทุ่มเทตั้งใจของทีมงานและนักแสดง ยิ่งรู้สึกรักซีรีส์ One Piece แม้ว่าด้วยข้อจำกัดของจำนวนตอน, CGI และต้องปรับบทการ์ตูนให้เป็นหนังที่สมจริงมากขึ้น ทำให้เราไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่ฉากจบก็ทำน้ำตาคลอเบ้า อยากจะกระโดดลงเรือโกอิ้งแมรี่ไปด้วย
ขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคนจริงๆ ที่ตั้งใจทำซีรีส์ One Piece ภูมิใจที่จะบอกว่า #ฉันโตมากับOnePiece
ปล. รอซีซัน 2 นะคะ คนอื่นอยากเห็นช้อปเปอร์, สโมคเกอร์หรือโรบิน แต่ซิสอยากเห็นเจ้าการู 🐥 กับฝูงพะยูนกังฟู 🦦🦦🦦 ฮ่าๆ