#TheatreClub เรื่องที่ 105
จบไปแล้วกับสุดยอดวาไรตี้ที่ดูแล้วอยากจะลุกขึ้นมาซิตอัพ วิดพื้น ออกวิ่ง ฟิตร่างกายตามผู้เข้าแข่งขัน 💪
Physical 100 ร้อยแกร่งแข่งอึด รายการวาไรตี้เกาหลีใต้สร้างโดย NETFLIX ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์ดัง Squid Game โดยนำคนแกร่ง 100 คนมาแข่งสมรรถภาพทางกายในเกมสุดโหด โหดแบบตะโกน! โดยผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจะได้เงินรางวัล 300 ล้านวอน (ประมาณ 8 ล้านบาท)
ชอบความสร้างสรรค์ของรายการ มีการหล่อรูปปั้นลำตัวของผู้แข่งขันทั้งหมด เท่เหมือนรูปปั้นกรีกโบราณ แต่ความโหดร้ายคือ ผู้แพ้จะต้องทุบทำลายรูปปั้นของตัวเอง ขอเอากลับบ้านไปเป็นที่ระลึกก็ไม่ได้ โถ่ 🥺
*รีวิวนี้ไม่มีสปอยผู้ชนะ แต่อาจโดนสปอยผู้ที่ผ่านเข้ารอบจากภาพประกอบนะ
นิยามความแกร่งที่ไร้ข้อจำกัด
ผู้เข้าแข่งขันมีทั้งต่างเพศ ต่างวัย ต่างเชื้อชาติ ต่างความสามารถ ต่างอาชีพ มีนักกีฬาโอลิมปิก เทรนเนอร์ ทหาร กู้ภัย แดนเซอร์ เกษตรกร ยูทูปเบอร์และอีกมากมาย ตอนเห็นแต่ละคนเดินเข้าสนาม ยังคิดอยู่เลยว่าจะแข่งยังไงให้ยุติธรรมมากที่สุด
ปรากฏว่ารายการออกแบบเกมมาได้ดีทีเดียว มีการวัดพละกำลัง ความอึด ความเร็ว ไหวพริบ ความสามัคคี และที่สำคัญคือพลังใจ
รายการนี้ทำให้เห็นว่าความแข็งแกร่งมีรูปร่างหน้าตาที่หลากหลาย บางครั้งคนตัวเล็กก็ชนะคนตัวใหญ่ได้ คนที่ช้ากว่าก็เอาชนะคนที่เร็วกว่าได้ ขึ้นอยู่กับสนามประลองและปัจจัยอื่นๆ เช่น ใช้จุดเด่นมากลบจุดด้อย, ใช้ไหวพริบ, การเลือกเพื่อนร่วมทีม เป็นต้น
5 ภารกิจสุดหินพิชิตเงิน 300 ล้านวอน
ภารกิจอุ่นเครื่อง: โหนบาร์
เปิดมาก็เจอเกมสุดหินแล้ว! ผู้เข้าแข่งขัน 100 คนต้องโหนบาร์เหนือสระน้ำให้นานที่สุด ในฐานะคนกลัวสูง ดูแล้วเสียวแทนเพราะบาร์สูงจากสระน้ำหลายเมตรอยู่ 😱 ผู้ที่โหนบาร์ได้นานที่สุดจะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับการแข่งขันถัดไป
เกมนี้เห็นชัดเลยว่าส่วนใหญ่คนน้ำหนักตัวมากจะร่วงก่อน แม้ว่าจะมีกล้ามแขนใหญ่โตแข็งแรง แต่แขนล้าได้ง่ายจากน้ำหนักตัวที่มากกว่า
นอกจากสมรรถภาพทางกายแล้ว ท่าทางห้อยโหนก็มีผลต่อชัยชนะเช่นกัน โดยทาง Koreaboo ได้สรุป 6 เทคนิคโหนบาร์จากรายการ Physical 100 เรียงลำดับจากท่าที่ร่วงง่ายที่สุดไปจนถึงท่าที่ดีที่สุด เผื่อเพื่อนๆ อยากจะลองทำตามดูค่ะ น่าสนุกมาก
ตัวเต็งเกมนี้ได้แก่ นักยิมนาสติกเหรียญทองโอลิมปิกที่ฝึกห้อยโหนมากว่า 20 ปี, ทหารหน่วย UDT (Underwater Demolition Team) ที่ต้องห้อยตัวในภารกิจจริงมานับต่อนับ และหน่วยกู้ภัยบนภูเขาที่ต้องห้อยโหนช่วยเหลือคนในการทำงานจริง ใครจะเป็นผู้ชนะเกมอุ่นเครื่องต้องดูใน Episode 1
ภารกิจที่ 1: สู้แบบ 1-1 แย่งลูกบอล
ภารกิจจริงรอบแรกคือ สู้ตัวต่อตัวเพื่อแย่งลูกบอลในเวลา 3 นาที เมื่อเวลาจบลง ผู้ที่ครองลูกบอลอยู่จะผ่านเข้ารอบ โดยคัดคนออก 50 คน ครึ่งหนึ่งของผู้เข้าแข่งขันเลย
ผู้เข้าแข่งขันมีสิทธิ์เลือกคู่ต่อสู้เอง โดยให้สิทธิ์คนที่โหนบาร์ได้นานที่สุดเลือกก่อน แล้วค่อยไล่ลำดับตามเวลาที่โหนได้ เกมนี้อาศัยไหวพริบในการเลือกคู่ต่อสู้ บางคู่สู้กันด้วยพละกำลัง บางคู่สู้กันด้วยความเร็ว บางคู่ก็สู้กันจริงจังด้วยศิลปะการต่อสู้ บางคนแข็งแกร่งมากแต่เลือกคู่ต่อสู้ผิดก็มีสิทธิ์ตกรอบได้
ภารกิจที่ 2: ขนทรายแบบทีม
เมื่อเหลือ 50 คน ผู้เข้าแข่งขันจะถูกแบ่งเป็น 10 ทีม ทีมละ 5 คน โดยเลือกทีมจากการโหวตเลือกหัวหน้าทีม 10 คนและให้คนที่เหลือเลือกว่าอยากไปอยู่ทีมใคร
ภารกิจที่ 2 คือเกมขนทราย แข่งกันระหว่างสองทีม ต้องขนทรายข้ามสะพานเชือกไปเติมทรายในโหลแก้ว เมื่อหมดเวลา ทีมที่เติมทรายได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ
เกมนี้วัดทักษะหลายอย่าง ได้แก่ พละกำลัง – ยิ่งขนทรายได้ครั้งละมากๆ ก็ยิ่งเติมทรายได้เยอะ, ความเร็ว – ยิ่งไวยิ่งเติมทรายได้เร็ว, ความอึด – เพราะต้องวิ่งแบกทรายไปกลับหลายรอบ, ความสามัคคีและไหวพริบ – การวางแผนแบ่งหน้าที่สำคัญมาก โดยต้องมีคนต่อสะพาน คนขนทรายและคนใส่ทรายเข้ากระสอบ
บางทีมต่อสะพานเสร็จเร็วแต่ต่อไม่แน่น เวลาเพื่อนร่วมทีมวิ่งบนสะพาน แผ่นไม้จึงหลุดต้องเสียเวลาต่อใหม่ หรือบางทีแผ่นไม้ก็ร่วงลงไปข้างล่างเลย ทำให้การข้ามสะพานยิ่งลำบากกว่าเดิม ในขณะที่บางทีมใช้เวลาต่อสะพานนานกว่า แต่ต่อแน่น รอบเดียวเอาอยู่ จึงไม่ต้องเสียเวลาซ่อมสะพาน
นอกจากสะพานเชือกง่อนแง่น ความโหดอีกอย่างคือห้ามขนทรายโดยการส่งต่อกัน คนขนทรายต้องเริ่มขนจากบ่อทรายไปจนเททรายลงโหลแก้วเอง ดังนั้นจึงใช้พลังงานเยอะมากๆ แค่นั่งดูก็รู้สึกเหมือนจะหอบตามผู้เข้าแข่งขันเลยค่ะ
ภารกิจรอบแก้ตัว: รั้งรูปปั้นตัวเองไม่ให้ร่วง
หลังจากจบภารกิจขนทราย ผู้ตกรอบจาก 5 ทีมรวม 25 คนมีสิทธิ์แก้ตัว โดยให้ดึงเชือกรั้งรูปปั้นของตัวเองไว้ให้นานที่สุด รูปปั้นหนัก 40% ของน้ำหนักตัวผู้แข่งขัน ผู้ที่เหลือ 5 คนสุดท้ายจะได้กลับเข้ารอบและอยู่ทีมเดียวกันอัตโนมัติ
ภารกิจที่ 3: ลากเรือหนัก 2 ตัน
นี่เป็นภารกิจที่ต้องตะโกนว่า “บ้าไปแล้ว!” โดย 5 ทีมที่เข้ารอบและ 1 ทีมจากรอบแก้ตัวต้องจับคู่ทีมเป็นพันธมิตรกัน กลายเป็น 3 ทีม ทีมละ 10 คน แต่ละทีมต้องช่วยกันลากเรือหนัก 2 ตัน (2,000 กิโลกรัม) ผ่านพื้นทราย ขึ้นเนินไปให้ถึงเส้นชัย ทีมที่ใช้เวลานานที่สุดจะตกรอบ
ลุ้นบีบหัวใจมาก ทีมที่สามเป็นการรวมตัวกันของทีม Underdog ที่ถูกทุกคนสบประมาทกับทีมที่ได้กลับมาเพราะรอบแก้ตัว ซึ่งทีมนี้มีแต่คนตัวเล็ก พละกำลังแตกต่างจาก 2 ทีมแรกอย่างชัดเจน อย่าว่าแต่แข่งกับทีมอื่น คนตัวเล็กๆ เหล่านี้จะลากเรือ 2 ตันให้ขยับได้จริงหรอเนี่ย! เพราะขนาด 2 ทีมแรกที่ส่วนใหญ่มีผู้ชายตัวใหญ่กล้ามโต เรือยังแทบจะไม่ขยับ กว่าจะขยับทีละเซนต์ ลุ้นกล้ามแตก
แล้วก็สมกับชื่อตอนจริงๆ “ผู้ที่ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้” ปรากฏว่าพวกเขาทำได้! ทั้ง 3 ทีมสามารถลากเรือได้สำเร็จค่ะ ตอนทำสำเร็จต้องลุกขึ้นยืนปรบมือให้ทุกทีมเลย พลังกายและพลังใจเดือดล้นทะลุจอ 🔥
สิ่งที่น่าสนใจคือเกมนี้ไม่ได้ใช้แค่พละกำลัง แต่ไหวพริบก็มีผลต่อชัยชนะ เช่น วิธีการลากเรือ, ตำแหน่งลากเรือ, ตำแหน่งวางถังไม้บนเรือ เป็นต้น ซึ่งผลลัพธ์แสดงให้เห็นโดยทีมที่ 1 ที่นำโดยคุณลุงชูซังฮุน (Choo Sung-hoon) ซึ่งใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาและไหวพริบทำให้ทีมลากเรือได้อย่างสำเร็จและราบรื่นมากกว่าทีมอื่นๆ แบบเห็นได้ชัด
ตอนลากเรือครั้งแรก ทุกทีมเผชิญปัญหาเดียวกันคือเรือไม่ขยับแม้แต่น้อย ซึ่ง 2 ทีมหลังก็ฝืนออกแรงมากขึ้นเพื่อดันเรือ แต่ลุงชูซังฮุนบอกให้ทีมตัวเองหยุดลากและตั้งสติก่อน จากนั้นแนะนำให้เปลี่ยนมา ‘ยกเรือแล้วดัน’ แทน เพราะถ้าฝืนดันอย่างเดียว จะสิ้นเปลืองแรงกายที่ใช้สู้กับแรงเสียดทานที่พื้น กลายเป็นว่าเรือสามารถขยับไปได้อย่างรวดเร็วเพราะวิธีของลุง
ภารกิจที่ 4: เกมจากปกรณัมกรีก
จบภารกิจลากเรือ เหลือผู้เข้าแข่งขัน 20 คนจาก 4 ทีม (ทีมตามภารกิจขนทราย) โดยสมาชิกทีมแต่ละคนต้องเลือกลงแข่ง 1 เกมจาก 5 เกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปกรณัมกรีก ซึ่งจะคัดเลือกจนเหลือผู้รอดเพียง 5 คนจากแต่ละเกม
คนที่คลั่งไคล้เทพปกรณัมกรีกอย่างซิสรู้สึกว้าวมาก ทีมงานคิดเกมเก่งจัง สร้างสรรค์ ลุ้นตามและได้ดูการทดสอบสมรรถภาพทางกายในหลายๆ ด้าน
เกมที่ 1 บทลงโทษของแอตลาส: ผู้เข้าแข่งขันต้องแบกก้อนหินขนาดมหึมาไว้ ใครแบกได้นานที่สุดชนะรายการไม่ได้เฉลยว่าก้อนหินหนักเท่าไหร่ แต่ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งประเมินว่า น่าจะหนักมากกว่า 50 กิโลกรัม โดยผู้ชนะการแข่งนี้สามารถแบกได้นานกว่า 2 ชั่วโมง! ปกติยืนเฉยๆ 2 ชั่วโมงยังเหนื่อย นี่แบกน้ำหนักเท่ากับคน 1 คนไว้บนบ่าด้วย ยอมในความแกร่งและพลังใจเลยค่ะ
เกมที่ 2 ไฟของโพรมีธีอุส: เกมวิ่งแข่งข้ามสิ่งกีดขวางเพื่อแย่งคบเพลิง ผู้ที่คว้าคบเพลิงได้ก่อนเป็นผู้ชนะ ซึ่งสิ่งกีดขวางโหดมาก มีรั้วไม้สูง 2 เมตรและวิ่งบนพื้นทรายที่มีฝนตกลงมา
เกมที่ 3 ปีกของอิคารอส: เกมปีนเชือก ผู้ที่สามารถห้อยตัวบนเชือกได้นานที่สุดเป็นผู้ชนะ
เกมที่ 4 หางของอูโรโบรอส: เกมวิ่งไล่จับเป็นวงกลม 4 คน โดยต้องวิ่งไปจับคนข้างหน้าให้ได้ ผู้ที่ถูกจับจะตกรอบ ต้องจับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือผู้ชนะคนเดียว
เกมที่ 5 บทลงโทษของซิซีฟัส: เกมกลิ้งก้อนหินหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นลงเนินภายในเวลา 40 วินาที ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหวและตกรอบไปทีละคน คนที่เหลือคนสุดท้ายจะเข้ารอบ
ภารกิจที่ 5: 5 เกมตัดสินผู้ชนะ
ผู้รอด 5 คนสุดท้ายจะต้องแข่ง 4 เกมที่วัดสมรรถภาพทางกายแต่ละด้าน โดยคัดออกเกมละ 1 คนเพื่อให้เหลือผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว
เกมที่ 1 ชักเย่อ 5 เหลี่ยม: แข่งพละกำลัง โดยผู้แข่งขันทั้ง 5 คนจะถูกผูกเชือกติดกันไว้ด้านหลังเป็น 5 เหลี่ยม ทุกคนต้องวิ่งไปหยิบกุญแจที่อยู่ตรงหน้าเพื่อปลดล็อก คนที่ช้าที่สุดจะตกรอบ
เกมที่ 2 พลิกกระดาน 4 เหลี่ยม: แข่งความไว โดยให้แข่งกันพลิกกระดาน 4 เหลี่ยมที่กระจัดจายบนพื้นให้เป็นสีของตัวเอง เมื่อหมดเวลา ถ้ากระดานบนพื้นมีสีของใครน้อยที่สุด คนนั้นตกรอบ
เกมที่ 3 วิ่งไปกลับ 3 เหลี่ยม: แข่งความอึด ผู้แข่งขันต้องวิ่งไปกลับกดกระดิ่งในเวลาที่กำหนด โดยเวลาจะสั้นลงเรื่อยๆ จาก 14 วินาทีเหลือไม่ถึง 8 วินาที รวมแล้ววิ่งกันไปเกือบ 100 รอบ คนที่วิ่งไม่ทันในเวลาที่กำหนดจะตกรอบ
เกมที่ 4 ดึงเชือกไม่รู้จบ: เกมตัดสินผู้ชนะ ใครดึงเชือกออกมาจนหมดก่อนชนะ แม้จะกติกาจะง่ายๆ แต่ความโหดคือ เชือกทั้งใหญ่และหนัก ไม่มีใครรู้ว่าเชือกยาวแค่ไหน ดึงเท่าไหร่ก็ไม่เห็นปลายเชือกสักที แถมผู้แข่งขันยังเหนื่อยล้าสะสมจากเกมก่อนๆ ถ้าได้เห็นสภาพผู้แข่งขัน 2 คนสุดท้ายจะเห็นว่า ‘นี่มันบทลงโทษของแท้’ สภาพทั้งคู่ไม่ไหวแล้ว มองตากันแบบไม่ได้แข่งกันเองแล้ว แต่เป็นการต่อสู้กับจิตใจตัวเองมากกว่า
ไม่ว่าผู้ชนะจะเป็นใครก็สมมงจริงๆ ค่ะ ผ่านภารกิจสุดโหดมากมาย ถูกทดสอบรอบด้าน ที่สำคัญที่สุดคือพลังใจที่ไม่ยอมแพ้แม้ว่าร่างกายจะเกินขีดจำกัดแล้ว
รุ่นลุงก็แข็งแกร่งนะ!
คนที่ซิสเชียร์เป็นพิเศษคือ คุณลุงชูซังฮุนหรือชื่อญี่ปุ่นว่าโยชิฮิโร อากิยามา อดีตนักกีฬา MMA วัย 47 ปี ซึ่งเป็นผู้แข่งขันชายที่อายุเยอะที่สุด (ที่จริงก็ยังไม่ถึงรุ่นลุง แต่ชูซังฮุนเรียกตัวเองว่าลุง เลยเรียกลุงตามค่ะ 😂) ลุงแข็งแกร่งซะจนขอยกให้เป็นไอดอลเลย อยากจะอายุมากขึ้นแล้วยังฟิตแอนด์เฟิร์มแบบนี้ค่ะ
ลุงไม่ได้แค่มีร่างกายแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นผู้นำสูง มีไหวพริบและนำเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมาใช้ในเกมจนเอาชนะมาได้อย่างที่ยกตัวอย่างไปในเกมลากเรือ ได้รับความนับถือจากน้องๆ ผู้แข่งทุกคน
ประวัติของลุงชูซังฮุนยังน่าสนใจมาก ลุงเป็นชาวเกาหลีใต้อพยพที่เติบโตในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสองประเทศนี้มีความขัดแย้งกันฝังลึกมาอย่างยาวนานจากสงครามในอดีต ซึ่งทำให้ครั้งหนึ่งชูซังฮุนเคยถูกชาวเกาหลีใต้เรียกว่า ‘คนทรยศชาติ’ แต่วันนี้เขากลับกลายเป็นที่รักและความภาคภูมิใจของทั้งสองชาติ สามารถอ่านเรื่องราวของลุงชูซันฮุนได้ที่กระทู้ความขัดแย้งญี่ปุ่น VS. เกาหลีใต้: กรณีศึกษา “ชูซังฮุน” เลยค่ะ เจ้าของกระทู้เขียนดีมาก
สปิริตนักกีฬาและพลังใจที่น่ายกย่อง
แม้รายการนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์สุดโหดจิตตกอย่าง Squid Game แต่มู้ดในการดูต่างกันมาก ไม่มีปวดตับปวดไต มีแต่สปิริตนักกีฬาและพลังใจที่น่ายกย่องจากผู้แข่งขันทุกคน ไม่ว่าใครจะชนะ ทุกคนต่างก็ยินดีและเอาใจเชียร์ไปด้วย
ผู้แพ้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่ได้มาเปิดโลกในรายการนี้ ได้เห็นว่ายังมีคนแข็งแกร่งอีกมากและความแข็งแกร่งมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันไป ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้อยากกลับไปฝึกฝนตัวเองมากกว่านี้ คนดูอย่างเราก็ได้แรงบันดาลใจดีๆ จากผู้แข่งขันทั้ง 100 คนค่ะ