#ReadersGarden เล่มที่ 56
“ไม่ได้รู้สึกอยากตาย แค่ไม่อยากมีชีวิตอยู่”
“เหมือนเดินทั้งที่ไฟไหม้ศีรษะ แต่ไม่มีใครเห็นเปลวเพลิง”
“กลัวความสุขจนหัวหด แม้จะต้องการความสุขเหนือสิ่งอื่นใด”
“ไม่เชื่อว่าความเจ็บปวดจะจางหาย และมีแสงสว่างรออยู่ที่ปลายอุโมงค์”
หากคุณกำลังรู้สึกเหมือนกับประโยคข้างต้นล่ะก็ หนังสือแด่ผู้แหลกสลาย (Reasons To Stay Alive) เป็นเพื่อนปลอบประโลมใจที่เข้าอกเข้าใจคุณเป็นอย่างดี
นี่เป็นบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าของแมตต์ เฮก (Matt Haig) นักเขียนวรรณกรรมชื่อดังชาวอังกฤษ เจ้าของผลงานระดับโลกอย่าง A Boy Called Christmas (เด็กชายที่ชื่อคริสต์มาส) ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และออกฉายในปี 2021, The Midnight Library (มหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน) ที่คิมนัมจุน ลีดเดอร์วง BTS อ่าน รวมถึงผลงานอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ก่อนที่เขาจะกลายเป็นนักเขียนชื่อดัง แมตต์เคยเผชิญกับปีศาจล่องหนตัวร้ายที่ชื่อว่า ‘โรคซึมเศร้า’ จนตัวเขาในตอนนั้นคิดว่าคงจะไม่มีวันนี้ “13 ปีก่อน ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ผมนึกว่าจะตาย ไม่ก็เป็นบ้าไปเสียก่อน” คือบทเริ่มต้นของหนังสือ
โรคซึมเศร้าเป็นปริศนาแม้กระทั่งกับผู้ป่วยเอง ไม่มีต้นตอแน่ชัดเสมอไป มันเกิดกับใครก็ได้ แม้แต่คนที่ดูภายนอกแล้วไร้วี่แววว่าจะเป็นทุกข์ แมตต์ในวัย 24 ปีเองก็เช่นกัน ขณะนั้นเขากับแอนเดรีย แฟนสาวซึ่งปัจจุบันเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี มาทำงานพิเศษบนเกาะอิบิซา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองพักร้อนที่สวยสงบที่สุด แมตต์กำลังใช้ชีวิตก่อนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสนุกสนานกับแฟนสาวที่รัก ได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามของผืนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เหมือนว่าแมตต์จะมีชีวิตที่แสนวิเศษ แต่มันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี จู่ๆ มันก็มา
ปีศาจล่องหนที่ชื่อว่า ‘โรคซึมเศร้า’ มาเยือนเขาแล้ว
มันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง จู่ๆ แมตต์ก็เกิดความรู้สึกประหลาด รูม่านตาขยาย คำพูดคำจาไม่ปะติดปะต่อ เหงื่อท่วมร่าง แต่ไม่มีใครสักคนที่สังเกต เขาต้องเผชิญกับนรกพิลึกพิลั่นในหัว นอนแช่บนเตียงสามวันแต่ไม่หลับ เขาไม่ได้อยากตายแต่ไม่อยากมีชีวิต นั่นเป็นก่อนที่เขาจะรู้จักชื่อของปีศาจ ‘โรคซึมเศร้า’ และ ‘โรคแพนิก’ ซะอีก
อาการหลักคือหมดหวัง มองไม่เห็นอนาคต ความร้ายกาจของปีศาจตัวนี้คือ มันล่องหนแต่มีอยู่จริง คนรอบข้างที่ไม่เคยสัมผัสอาจจะไม่เข้าใจ ดังนั้นผู้ป่วยจึงกลัวว่าจะดูฉุนเฉียวง่ายและเก็บกลั้นอารมณ์เอาไว้ จึงรู้สึกโดดเดี่ยวและรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ
สุดท้ายแล้วแมตต์กับแอนเดรียก็ตัดสินใจกลับมายังบ้านเกิดที่ประเทศอังกฤษ แมตต์พยายามทำงานอยู่ช่วงหนึ่งแต่โรคซึมเศร้าและแพนิกก็ทำให้เขาไม่สามารถทำได้แม้แต่ออกจากบ้าน
ในหนังสือบรรยายถึงการต่อสู้ของแมตต์ในแต่ละช่วงเวลา ต่อสู้กับจิตใจตัวเองที่คนที่กำลังเผชิญกับโรคซึมเศร้าหรือคนที่ยังไม่ได้เป็นโรค แต่มีอาการซึมเศร้าคงจะเข้าใจถ้อยคำต่างๆ ที่แมตต์บรรยายออกมาอย่างลึกซึ้ง จนทำให้รู้สึกว่า “อ่า… ไม่ได้มีฉันแค่คนเดียวสินะ” หรือความรู้สึกบางอย่างที่เรารู้สึกอยู่แต่บรรยายออกมาไม่ถูก แมตต์ก็ได้พูดแทนเราออกมาหมดแล้ว
สิ่งที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนเป็นโรคซึมเศร้าคือ พวกเขามักคิดว่าผู้ป่วยจะรู้สึกเศร้าอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงคิดว่าคนที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขคงจะไม่มีทางเป็นโรคซึมเศร้า แต่ความจริงเป็นดั่งที่แมตต์ว่าไว้ว่า
“เราเป็นคนเศร้าที่มีช่วงสุข เหมือนคนติดเหล้าที่มีช่วงสร่าง”
คนเป็นโรคซึมเศร้าบางครั้งก็มีช่วงเวลาสุข มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะได้เหมือนกัน เพียงแต่มันคงอยู่ไม่นาน และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะกลับหมดหวังและไม่อยากมีชีวิตเหมือนเดิม
“ขอให้เล่มนี้เป็นความหวังแด่ผู้ที่แหลกสลาย เพราะวันอันมืดมิดนั้นผ่านมาแล้วผ่านไป โลกย่อมมอบเหตุผลของการมีชีวิตให้ตราบใดที่เราตั้งใจฟัง”
– Reasons To Stay Alive
นี่เป็นหนังสือที่อยากแนะนำให้ทุกคนที่ได้สัมผัสกับ ‘ความแหลกสลาย’ อ่านสักครั้งค่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่แหลกสลายเอง หรือมีคนรอบข้างที่กำลังรู้สึกแบบนั้น หนังสือเล่มนี้จะเป็นเพื่อนปลอบโยนหัวใจราวกับจะบอกว่า “ผมก็เคยเป็นแบบคุณ มันห่วยแตก มันส่งผลต่อชีวิต การงาน ความสัมพันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สุดท้ายผมก็ผ่านมันมาได้แบบค่อยเป็นค่อยไป และผมดีใจที่วันนี้ยังมีชีวิตอยู่”
ซื้อหนังสือแด่ผู้แหลกสลาย : Shopee, นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
สำหรับคนที่อยู่เคียงข้างผู้แหลกสลาย หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้คุณเข้าใจถึงโรคที่กัดกินชีวิตผู้คนนับล้านนี้มากขึ้น และควรจะอยู่ร่วมกับพวกเขาอย่างไร เหมือนที่แอนเดรีย ภรรยาของแมตต์เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้แมตต์ยังมีชีวิตและได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างแท้จริงอีกครั้ง