สาวกจิบลิใจละลายแล้ว 💕 มาดื่มด่ำไปกับโลกของอนิเมะจิบลิด้วยกันในงาน The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023 นิทรรศการจิบลิครั้งแรกในประเทศไทย! จัดเต็มซีนไอคอนิกจาก 8 เรื่องดังของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) งานจัดแสดงตั้งแต่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 2566 ที่ห้าง Central World ชั้น 8 กรุงเทพฯ
บรรยากาศภายในงานอบอุ่นหัวใจมากค่ะ มีแฟนๆ จิบลิทุกวัยเลย พอได้เห็นคู่รัก Gen X จูงมือกันมาถ่ายรูปแล้ว รู้เลยว่าอนิเมะจิบลิเป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ รู้สึกปลื้มใจแทน ☺️
สตูดิโอจิบลิก่อตั้งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 มิถุนายน 1985 โดยผู้กำกับ 2 คนคือคุณฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) กับคุณอิซาโอะ ทาคาฮาตะ (Isao Takahata) และอีก 1 โปรดิวเซอร์คือคุณโทชิโอะ สึซึกิ (Toshio Suzuki)
ในปี 2023 สตูดิโอจิบลิเดินทางผลิตอนิเมะคุณภาพมาถึง 38 ปีแล้ว มีผลงานทั้งหมด 22 เรื่อง ซึ่ง 8 เรื่องที่ถูกเลือกมาจัดแสดงล้วนแต่เป็นเรื่องดังและประสบความสำเร็จที่สุดในแง่ของคะแนนวิจารณ์และรายได้ มาดูกันเลยว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
8 โซนอนิเมะดัง + 2 เรื่องพิเศษ
ภายในนิทรรศการจิบลิจัดแสดงทั้งหมด 8 โซนจาก 8 อนิเมะเรื่องดัง เรียงตามเส้นทางดังนี้
1. ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (Howl’s Moving Castle): นี่เป็นเรื่องที่ซิสสามารถดูได้ซ้ำๆ โดยไม่เคยเบื่อเลย ความน่ารักของโซฟี ความเอาแต่ใจของฮาวล์ หุ่นไล่กาประหลาด พ่อมดฝึกงานตัวน้อยมาร์เคิล โดยไฮไลท์คือปราสาทของฮาวล์ที่ขยับได้จริงๆ และเจ้าแคลซิเฟอร์ ปีศาจไฟผู้(เคย)ยิ่งใหญ่ที่กลายมาเป็นไฟทำอาหารของโซฟี เอ็นดูน้อง
2. ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา (Castle In The Sky): พบกับชีต้าและปาซูที่กำลังวิ่งหนีตัวร้ายบนทางรถไฟ และอาณาจักรลอยฟ้าสุดอลังการ
3. แม่มดน้อยกิกิ (Kiki’s Delivery Service): หนึ่งในโซนที่ป็อปปูลาร์ที่สุด! คนต่อคิวถ่ายรูปหน้าร้านเบเกอรี่ที่น้องกิกิทำงานยาวไปจนถึงอีกโซนเลยค่ะ โซนนี้มี 2 ซีนไอคอนิกคือ ซีนกิกิขี่ไม้กวาดช่วยทอมโบจากเรือเหาะและซีนจักรยานบินของทอมโบ
4. พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน (Porco Rosso): นี่เป็นอนิเมะเรื่องเดียวในงานที่ซิสยังไม่เคยดู แต่พอชมนิทรรศการแล้ว อยากจะกลับมาดูเลยค่ะ พอร์โค คุณหมูนักบินนอนตากอากาศอยู่ริมหาดน่ารักมากๆ แถมมีเครื่องบินสีแดงคู่ใจด้วย อยากรู้เลยว่าเรื่องราวในอนิเมะจะเป็นอย่างไร
5. โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro): อีกหนึ่งโซนที่ป็อปปูลาร์สุดๆ มาแล้วต้องมายืนถือร่มสีแดงถ่ายรูปคู่กับน้องโทโทโร่กันที่ป้ายรถเมล์ โดยทางงานมีร่มสีแดงประกอบฉากให้ค่ะ อีกหนึ่งไฮไลท์คือโพรงต้นไม้ที่น้องโทโทโร่หลับอยู่ น่ารักสุดๆ! อยากจะกระโจนเข้าไปนอนด้วยเลย
6. เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร (Princess Mononoke): พบกับเจ้าหญิงซานแห่งพงไพรกับน้องๆ หมาป่าของเธอ เจ้าชายอะชิตะกะ และเทพเจ้ากวาง(ที่เห็นหน้าทีไรขนลุกทุกที)
6. ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก (Pom Poko): อนิเมะเรื่องโปรดของซิสที่ทั้งอบอุ่นใจและปวดใจไปพร้อมๆ กัน พบกับน้องๆ ทานูกิและพ้องเพื่อนภูติผีปีศาจในตำนานของญี่ปุ่น
7. มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away): ปิดท้ายงานด้วยเรื่องที่ป็อปปูลาร์ที่สุด! พบกับโรงอาบน้ำอาบุรายะของเหล่าภูติผีวิญญาณ ห้องทำงานของยายยูบาบะ และคุณผีไร้หน้าบนรถไฟ
นอกจากนี้ยังมี 2 เรื่องพิเศษคือ มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม (Nausicaä of the Valley of the Wind) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสตูดิโอจิบลิ โดยจะเป็นโซนเล็กๆ ให้เราดูวิดีโอสัมภาษณ์ที่มาที่ไปของจิบลิ และปิดท้ายงานจริงๆ ด้วยโปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย (Ponyo) เห็นว่าซ่อนอยู่ด้านนอกงานจัดแสดง แต่ซิสหาไม่เจอ สารภาพว่าไม่ได้มองหาด้วย เพราะหมดแรงจากการเดินชมงาน 3 ชั่วโมงเต็ม ออกจากงานมาเลยมองหาแต่ของกิน ลืมมองหาน้องโปเนียวเลย ใครเจอน้องแวะมาบอกกันได้ในเพจนะคะ
ระเบียบการถ่ายรูป
📷 ภายในงานสามารถถ่ายรูปและวิดีโอได้เต็มที่เลยค่ะ แต่ห้ามใช้แฟลช ขาตั้งกล้องและไม้เซลฟี่ คนที่ไปคนเดียวและพกขาตั้งกล้องไปเผื่อถ่ายตัวเองแบบซิสใจแป้วเลย 🥲 ซึ่งเข้าใจว่าผู้ชมในงานมีจำนวนเยอะมาก ถ้าใช้ขาตั้งกล้องหรือไม้เซลฟี่จะไปรบกวนคนอื่นได้
แต่มาคนเดียวก็สนุกและได้รูปสวยๆ กลับไปค่ะ เพราะมีน้องๆ ทีมงานช่วยถ่ายรูปให้บริเวณ 4 ซีนไอคอนิก ได้แก่ 1.) ป้ายรถเมล์โทโทโร่ 2.) ที่นั่งในรถไฟกับคุณผีไร้หน้าจาก Spirited Away 3.) ซีนกิกิขี่ไม้กวาดช่วยทอมโบจากเรือเหาะ 4.) จักรยานบินของทอมโบในแม่มดน้อยกิกิ
หากมีคนต่อคิวเยอะ ทีมงานจะจำกัดเวลาถ่ายรูป 15 วินาทีต่อคน แอบกดดัน นับเวลาถอยหลังกันเลยค่ะ 😅 ต้องคิดท่าโพสไว้ล่วงหน้า หากใครคิดไม่ออก ถ่ายวิดีโอไปเลยค่ะ ซิสก็ขอให้น้องๆ ทีมงานช่วยถ่ายเป็นวิดีโอให้แล้วค่อยมาแคปรูปจากวิดีโอเอา น่าเสียดายที่จุดอื่นๆ ไม่มีทีมงาน ต้องขอให้เพื่อนๆ ที่มาชมงานช่วยถ่ายรูปให้แทน
ดังนั้นใครอยากใช้เวลาถ่ายรูปอย่างเต็มที่ แนะนำให้มาวันธรรมดา หากมาวันหยุดแนะนำเป็นช่วงเช้า ซิสไปวันเสาร์ 11 โมงก็ว่าคนเยอะแล้วนะ เดินออกมาจากงานจัดแสดงตอนบ่ายสอง โอ้โหว! คนเยอะกว่าตอนเช้าเกือบ 3 เท่า จะเข้าร้านขายของที่ระลึกยังต้องต่อคิวยาวเกือบ 30 คนจนซิสยอมแพ้ เดินไปดูของที่ร้าน Kinokuniya แทน
ราคาบัตรเข้างาน
💰 บัตรมี 2 ประเภทคือ Regular 650 บาท และ VIP 1,290 บาท ซึ่งบัตรทั้ง 2 ประเภทถ่ายรูปได้ทุกโซนเหมือนกันหมดเลยค่ะ ต่างกันแค่ VIP ไม่ต้องต่อคิวถ่ายรูป 4 ซีนไอคอนิกที่กล่าวไป มาถึงถ่ายได้เลย ส่วนตัวเราว่าบัตร Regular ก็คุ้มแล้ว เพราะต่อคิวก็ไม่นาน ถึงคนจะเยอะ แต่จำกัดเวลาถ่ายรูปคนละ 15-20 วินาทีเท่านั้น แถวจึงขยับเร็วค่ะ
แวะมาเจอโทโทโร่กับพ้องเพื่อนกันเยอะๆ นะคะ 🌲 น้องอยู่ไทยกันจนถึง 30 กันยายน 2566