#ReadersGarden เล่มที่ 69
หากกล่าวถึงนิทานก่อนนอน ชาวมักเกิ้ลมีนิทานอีสปและนิทานเจ้าหญิง เหล่าผู้วิเศษก็มีนิทานของบีเดิลยอดกวีเช่นกัน
ในนิทานของมักเกิ้ล พ่อมดแม่มดมักจะรับบทผู้ร้าย เสกแอปเปิ้ลและเข็มปั่นด้ายอาบยาพิษทำให้เจ้าหญิงหลับใหล สาปเจ้าชายให้กลายเป็นกบ หลอกล่อเด็กๆ มาที่บ้านขนมแล้วจับกิน น้อยเรื่องนักที่ตัวละครผู้วิเศษจะเป็นธรรมะ แต่พวกเขาจะถูกเรียกว่า ‘นางฟ้า’ หรือ ‘แฟรี่’ ไม่ใช่ ‘พ่อมดแม่มด’
ส่วนนิทานของบีเดิลยอดกวีนั้น แม้จะมีบางเรื่องที่มักเกิ้ลรับบทตัวร้ายอย่างเรื่องแบ็บบิตตี้ แร็บบิตตี้ กับตอไม้หัวเราะได้ แต่ส่วนใหญ่ปัญหามักจะมาจากเวทมนตร์ของผู้วิเศษเอง
“เวทมนตร์นั้นก่อให้เกิดปัญหาได้พอๆ กับที่ช่วยแก้ปัญหา” คือสิ่งที่ผู้ปกครองผู้วิเศษต้องการสอนความจริงอันไม่น่าอภิรมย์ข้อนี้ให้แก่ลูกหลานผ่านนิทานของบีเดิลยอดกวี
สำหรับหนังสือนิทานบีเดิลยอดกวีของเจ.เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling) ประกอบด้วย 5 เรื่องที่โด่งดังที่สุดของบีเดิลและถูกแปลมาจากต้นฉบับภาษารูนโดยเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอ ดังนั้นเนื้อหาที่พวกเราได้อ่านจึงตรงกับฉบับดั้งเดิมมากที่สุด โดยไม่ผ่านการดัดแปลงเนื้อหาอย่างมีอคติ (ต่างจากเวอร์ชันที่ผู้วิเศษที่คลั่งเลือดบริสุทธิ์และเกลียดมักเกิ้ลนำไปดัดแปลง)
นอกจากนี้เรายังได้อ่านบทวิเคราะห์นิทานของศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ที่ประกอบไปด้วยประวัติศาสตร์ของผู้วิเศษ ความทรงจำส่วนตัวและคติสอนใจ ทำให้เราได้รู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในโลกเวทมนตร์มากขึ้น
พ่อมดกับหม้อกระโดดได้
เรื่องย่อ: มีพ่อมดชราผู้ใจดีใช้เวทมนตร์ช่วยเหลือเพื่อนบ้านโดยแสร้งทำเป็นว่าปรุงยาหรือได้ไอเทมวิเศษมาจาก ‘หม้อกับข้าวนำโชค’ เมื่อพ่อมดชราสิ้นอายุขัย เหล่าเพื่อนบ้านจึงมาพึ่งพาลูกชายของพ่อมดชราแทน แต่ลูกชายเป็นพ่อมดที่ไม่แยแสมักเกิ้ลและไล่ตะเพิดทุกคนไป
ในตอนนั้นเองหม้อกับข้าวนำโชคใบนั้นก็เริ่มส่งเสียงร้องป่าวประกาศถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน มันกระโดดติดตามพ่อมดไปทุกทีจนเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ สุดท้ายแล้วพ่อมดจึงจำยอมช่วยเหลือคนในหมู่บ้านเหมือนที่พ่อเขาเคยทำ ไม่เช่นนั้นเจ้าหม้อประหลาดจะกลับมากระโดดส่งเสียงร้องตามเขาไม่หยุดอีก
สรุปบทวิเคราะห์บางส่วนของดัมเบิลดอร์: มองผิวเผินเหมือนเป็นเพียงนิทานพ่อสอนลูกที่น่าซาบซึ้ง พ่อต้องการสอนให้ลูกชายใจดำรับรู้ถึงความทุกข์ยากของมักเกิ้ลและฟูมฟักจิตใจที่เอื้ออารี แต่หากมองว่านี้เป็นนิทานที่เข้าข้างพวกมักเกิ้ลล่ะ
ในศตวรรษที่ 15 ที่บีเดิลมีชีวิตอยู่ ยุคนั้นเกิดการล่าพ่อมดแม่มดจำนวนมากขึ้น ดังนั้นการยอมใช้เวทมนตร์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนบ้านก็ไม่ต่างอะไรจากการจุดไฟเผาตัวเองเลย บีเดิ้ลจึงถือว่ามีความคิดก้าวล้ำยุคสมัยที่ต้องการปลูกฝังให้ผู้วิเศษและมักเกิ้ลอยู่ร่วมกันฉันท์มิตร
น้ำพุแห่งโชคดีทีเดียว
เรื่องย่อ: เรื่องราวการเดินทางตามหา ‘น้ำพุแห่งโชคดีทีเดียว’ ของสามแม่มดกับหนึ่งอัศวินหนุ่มผู้ไร้เวทมนตร์ ทุกคนต่างประสบเรื่องโชคร้ายและหวังว่าน้ำพุนี้จะช่วยปัดเป่าความทุกข์ยากได้ แต่ผู้ที่จะได้รับพรมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งสี่คนร่วมมือกันแก้ปริศนาฝ่าอุปสรรคจนมาถึงด่านสุดท้ายที่มีปริศนาว่า ‘ยื่นสมบัติในอดีตของเจ้ามา’ อมตา แม่มดผู้ถูกคนรักทอดทิ้งจึงล้วงดึงเอาความทรงจำแสนสุขกับอดีตคนรักออกมาและปล่อยให้ลอยไปเป็นคำตอบ ทั้งสี่คนจึงผ่านด่านได้ แต่อมตาไม่ต้องการน้ำพุอีกต่อไป เพราะความเสียใจเรื่องคนรักถูกพัดพาหายไปจนสิ้นแล้ว
ขณะนั้น แอชา แม่มดผู้ป่วยด้วยโรคร้ายก็ล้มลงและใกล้จะสิ้นใจก่อนถึงน้ำพุ อัลเทดา แม่มดคนสุดท้ายจึงรีบเก็บสมุนไพรที่คิดว่าใช้ได้ผลมารักษาเธอ ปรากฎว่าได้ผล! แอชาหายจากโรคร้าย เธอจึงไม่ต้องการน้ำพุแล้ว ส่วนอัลเทดาที่ตามหาน้ำพุเพราะอยากหลุดพ้นจากความยากจน ตอนนี้เธอค้นพบสมุนไพรวิเศษที่รักษาโรคร้ายได้ซึ่งจะช่วยให้เธอหาเงินได้ เธอจึงไม่ต้องการน้ำพุแล้วเช่นกัน
สามแม่มดเห็นพ้องว่าให้อัศวินหนุ่มผู้โชคร้ายแต่ใจดีและคอยช่วยเหลือพวกเธอมาตลอดทางได้เป็นคนอาบน้ำพุ อัศวินหนุ่มอาบน้ำพุด้วยความอิ่มเอมใจในความสำเร็จ หลังจากนั้นเขาจึงขออมตาแต่งงานเพราะตกหลุมรักในความใจดีและงดงามของเธอ อมตาตอบรับด้วยความยินดี เธอได้พบกับชายหนุ่มที่มีค่าคู่ควร จากนั้นทั้งสี่คนก็มีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขโดยไม่มีใครรู้เลยว่าน้ำพุนั้นไม่ได้มีมนตราแม้แต่นิดเดียว
สรุปบทวิเคราะห์บางส่วนของดัมเบิลดอร์: แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องโปรดตลอดกาลของใครหลายคน แต่ก็มีผู้วิเศษส่วนหนึ่งที่ยืนยันให้กำจัดนิทานเรื่องนี้ออกจากห้องสมุดของฮอกวอตส์ เนื่องจากนิทานเรื่องนี้สนับสนุนการแต่งงานระหว่างผู้วิเศษและมักเกิ้ล ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ (คงไม่ต้องบอกก็ว่าใครเป็นผู้ต่อต้านเรื่องนี้ คำใบ้: ชายผมยาวสีเงินที่ถูกอดีตเอลฟ์ประจำบ้านตัวเองดีดเวทมนตร์เป่ากระเด็น)
อย่างไรก็ตามดัมเบิลดอร์ตอบกลับไปว่า “ประชากรผู้วิเศษมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ก็เพราะพวกเขาแต่งงานพวกกับมักเกิ้ล” ดังนั้นการปิดกั้นความจริงเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ไร้สาระ
หัวใจขึ้นขนของผู้วิเศษ
เรื่องย่อ: มีพ่อมดผู้เย่อหยิ่งคนหนึ่งเชื่อว่าความรักคือต้นเหตุของความอ่อนแอ เขาจึงเสกเวทมนตร์ควักหัวใจตัวเองออกมาเก็บไว้ในหีบสมบัติ เวลาผ่านไปหลายปีพ่อมดพอใจกับชีวิตที่ไร้รัก แต่เขาพบว่าพวกคนรับใช้แอบหัวเราะเยาะเขาที่ไม่สามารถหาคู่แต่งงานได้ พ่อมดจึงตั้งใจว่าจะแต่งงานกับแม่มดสาวที่ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าเขาสมบูรณ์แบบ
เขาได้เจอกับแม่มดที่มีคุณสมบัติดีพร้อม เขาเกี้ยวพาราสีเธอด้วยคำหวานที่จดจำมาแต่ไร้ความรู้สึก แม่มดสาวจึงตอบกลับพ่อมดตามตรงว่า “ท่านช่างไร้หัวใจ” ด้วยความที่พ่อมดอยากจะเอาชนะใจหญิงสาว เขาจึงพาเธอมาดูหัวใจที่เก็บไว้ในหีบตลอดหลายปี แต่หัวใจนั้นมีขนขึ้นยุบยับอย่างน่าขนลุก เมื่อพ่อมดใส่หัวใจกลับเข้าร่างกาย หัวใจก็ควบคุมร่างกายทันที เขาควักหัวใจแม่มดสาวออกมาอย่างเลือดเย็น ก่อนจะเสียชีวิตตามอย่างโดดเดี่ยว
สรุปบทวิเคราะห์บางส่วนของดัมเบิลดอร์: นิทานสุดสยองของบีเดิลที่ผู้วิเศษต้องการเอาชนะจิตใจโดยการควักหัวใจออกมา หากแต่ผู้ที่ฝืนกฎธรรมชาติ ต่างลงเอยด้วยจุดจบที่น่าสยดสยองทั้งนั้น การควักหัวใจเปลี่ยนให้พ่อมดตกต่ำลงสู่อมนุษย์ หัวใจของเขาขึ้นขนเหมือนสัตว์ร้าย จนทำให้เกิดสำนวน ‘หัวใจขึ้นขน’ ในหมู่ผู้วิเศษ ซึ่งหมายถึงผู้วิเศษที่มีนิสัยเย็นชาและไร้ความรัก
แบ็บบิตตี้ แร็บบิตตี้ กับตอไม้หัวเราะได้
เรื่องย่อ: มีพระราชาผู้โง่เขลาที่ต้องการครอบครองเวทมนตร์แต่เพียงผู้เดียว จึงได้จ้างวานผู้วิเศษมาสอนเวทมนตร์ให้ตนเอง และจัดตั้งกองทหารกำจัดผู้วิเศษคนอื่นๆ แต่ทว่าครูสอนเวทมนตร์ของพระราชากลับเป็นเพียงนักต้มตุ๋นที่ใช้มายากลมาหลอก
แบ็บบิตตี้ สาวใช้ในวังที่ผ่านมาเห็นการฝึกเวทมนตร์ก็หัวเราะเยาะเสียงดัง พระราชาที่รู้สึกขายหน้าจึงต้องการแสดงเวทมนตร์ต่อหน้าเหล่าขุนนางเพื่อแสดงอำนาจ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว นักต้มตุ๋นที่จับได้ว่าแบ็บบิตตี้คือแม่มดตัวจริงจึงใส่ร้ายว่านางใช้เวทมนตร์ขัดขวางพระราชา
พระราชาจึงสั่งกองทหารไล่ล่าแบ็บบิตตี้จนเธอหนีหายไปหลังต้นไม้ซึ่งมีเสียงหัวเราะดังออกมา พวกเขาจึงนึกว่าแบ็บบิตตี้แปลงร่างเป็นต้นไม้และโค่นมันจนเหลือเพียงตอไม้ แต่ตอไม้ยังหัวเราะได้ พระราชาเริ่มกลัวเวทมนตร์ของจริง ตอไม้จึงสั่งให้พระราชาเลิกไล่ล่าผู้วิเศษและให้สร้างรูปปั้นของแบ็บบิตตี้บนตอไม้นี้เพื่อย้ำเตือนถึงความโง่เขลาของพระองค์ พระราชาตอบรับด้วยความกลัว เมื่อทุกคนหายไปจนหมดแล้ว กระต่ายแก่ตัวหนึ่งก็กระโดดออกจากโพรงใต้ตอไม้แล้วเดินทางออกจากอาณาจักรไป
สรุปบทวิเคราะห์บางส่วนของดัมเบิลดอร์: เรื่องนี้อาจได้แรงบันดาลใจมาจากลีแซต เดอ ลาแปง แม่มดชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงที่หายตัวไปจากห้องขังก่อนวันประหาร ซึ่งนามสกุล ‘ลาแปง’ แปลว่ากระต่าย จึงเป็นที่มาของร่างแอนิเมจัสของแบ็บบิตตี้ อย่างไรก็ตามนิทานของบีเดิลก็มีการต่อเติมเสริมแต่งเรื่องที่ไม่จริงขึ้นมา เพราะถึงแม้แอนิเมจัสจะยังคงสติในร่างสัตว์ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ออกมาได้
ซื้อหนังสือ: นายอินทร์, SE-ED, Kinokuniya
นิทานสามพี่น้อง
เรื่องย่อ: สามพี่น้องพ่อมดเดินทางมาเจอแม่น้ำเชี่ยวกราด พวกเขาจึงเสกสะพานขึ้นมาเพื่อเดินทางข้ามแม่น้ำ ยมทูตที่เห็นจึงไม่พอใจเพราะปกติแล้วนักเดินทางจะจมน้ำเสียชีวิต แต่ยมทูตแสร้งทำเป็นยินดีกับสามพี่น้องและให้ของวิเศษเป็นรางวัล
พี่ชายคนโตขอไม้กายสิทธิ์ที่ทำให้ไม่มีวันแพ้ผู้ใด เขาจึงได้ ‘ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์’ มา พี่ชายคนรองขอสิ่งของที่ชุบชีวิตคนตายได้ เขาจึงได้รับ ‘หินชุบชีวิต’ มา ส่วนน้องชายคนเล็กผู้ฉลาดและถ่อมตัว เขาขอของอะไรก็ได้ที่จะทำให้ยมทูตติดตามเขาไปไม่ได้ ยมทูตจึงจำยอมมอบ ‘ผ้าคลุมล่อง’ ให้
ในเวลาต่อมา พี่ชายคนโตคุยโม้โอ้อวดไปทั่วถึงพลังอำนาจของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ จนมีพ่อมดแอบย่องมาฆ่าพี่ชายคนโตเพื่อแย่งไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ยมทูตจึงได้วิญญาณพี่คนโตไป
ส่วนพี่ชายคนรองใช้หินชุบชีวิตเรียกวิญญาณหญิงสาวคนรักกลับมา แต่เธอกลับโศกเศร้าและเย็นชาเพราะเธอไม่ใช่คนของโลกนี้อีกต่อไปแล้ว พี่ชายคนรองเสียสติและฆ่าตัวตายเพื่อจะได้ไปอยู่ร่วมกับคนรัก ยมทูตจึงได้วิญญาณพี่คนรองไป
ยมทูตใช้เวลาหลายปีตามหาน้องชายคนเล็กแต่ก็ไม่พบเลย จนกระทั่งเขาแก่ชราและถึงเวลาจะจากโลกนี้ไป จึงถอดผ้าคลุมล่องหนออกและส่งต่อให้ลูกชาย เขาต้อนรับยมทูตดั่งเพื่อนเก่าและเดินทางไปสู่โลกแห่งความตายอย่างเสมอภาค
สรุปบทวิเคราะห์บางส่วนของดัมเบิลดอร์: นี่คือนิทานเรื่องโปรดของดัมเบิลดอร์ที่เขาขอให้แม่เล่าให้ฟังบ่อยที่สุด บางคนเชื่อว่าบีเดิลบอกใบ้ให้ผู้อ่านรู้ว่า ของขวัญจากยมทูตทั้ง 3 ชิ้นมีอยู่จริง และผู้ที่ได้ครอบครองของ 3 ชิ้นนี้จะกลายเป็น ‘นายของยมทูต’ แต่นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่มีใครเอาชนะความตายได้ และคนส่วนใหญ่มักจะเมินวิธีของน้องชายคนเล็กที่ใช้ผ้าคลุมล่องหนชะลอเวลาที่ความตายจะมาหา แต่เลือกหาวิธีเอาชนะความตายแบบพี่ชายทั้งสองคนแทน